Curriculum

kitamura

❓ ลูกของคุณเคยถูกมองว่า “ยังไม่เก่งอะไรเลย” ไหมคะ?
❓ หรือเคยรู้สึกไหมว่า... ระบบการเรียนรู้แบบเดิมรีบตัดสินเด็กเร็วเกินไป?

ที่ Kitamura House เราไม่เร่งให้เด็กต้องเก่งเร็ว
แต่เราสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัย ให้เด็ก ๆ ได้ “ลองผิด ลองถูก” อย่างอิสระ
ผ่าน วิชาเสริม Enrichment Free Elective Subjects
ซึ่งเปิดให้เด็กได้เรียนฟรีทุกสัปดาห์ มากกว่า 10 วิชา โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

kitamura

🔎 เพราะการได้ลอง คือจุดเริ่มต้นของการค้นพบตัวเอง

นี่คือเรื่องจริงของเด็ก ๆ บ้าน Kitamura ที่พัฒนาเส้นทางชีวิตจากการ “ได้ลอง”

🎤 AkiE | จากเด็กขี้อาย สู่เวทีนักร้องเด็ก

AkiE เคยกลัวไมโครโฟน...
แต่แค่ได้ลองคลาส Vocal และ Dance เธอเริ่มค้นพบพลังของเสียงตัวเอง
วันนี้เธอขึ้นเวทีระดับประเทศ และฝันอยากเป็นนักร้องที่ใช้เสียงส่งพลังบวกให้โลก

🤖 Taichi | จากเด็กจอมซน สู่สายเทคโนโลยี

Taichi ชอบรื้อของเล่น แต่ไม่รู้ว่าคือพรสวรรค์ จนได้เรียน Robotics
วันนี้เขาเขียนโค้ดเอง ประกอบหุ่นยนต์จริง และกำลังเตรียมลงแข่งขันระดับนานาชาติ

🍳 Kazuhiro | จากเด็กชอบเข้าครัว สู่เส้นทางนักคิด

Kazuhiro เริ่มจากการเข้าคลาส Cooking แต่กลับตั้งคำถามทุกขั้นตอน
“ทำไมเค้กถึงฟู?”
วันนี้เขาหลงใหลวิทยาศาสตร์เบื้องหลังอาหาร และฝันอยากเป็นนักวิจัย

👩‍⚕️ KaE | จากเด็กที่รักการอ่าน สู่ว่าที่คุณหมอ

KaE ไม่ได้เด่นด้านกิจกรรม แต่เธอเปล่งประกายในคลาส Math Mind Mapping
วันนี้เธอกำลังเตรียมตัวเข้าหลักสูตรแพทยศาสตร์ควบการบริหาร
เพื่อเปิดคลินิกเด็กที่ดูแลด้วยหัวใจ


🎨 เราให้เด็ก “ได้ลอง” อะไรบ้าง?

วิชาเสริมที่เปิดสอนแบบไม่มีค่าใช้จ่าย พัฒนาทักษะอะไร?
🥁 Drum Set สมาธิ กล้ามเนื้อ ความมั่นใจ
🎹 Piano การฟัง ความจำ ศิลปะเสียง
🎤 Vocal การพูด กล้าแสดงออก การใช้เสียง
💃 Dance กล้ามเนื้อ ความกล้า การเข้าสังคม
🤖 Robotics & Coding คิดเชิงตรรกะ แก้ปัญหา
🧠 Math Mind Mapping ความคิดเป็นระบบ EF
🧩 Stack & IQ Lab สมองไว มือแม่น สมาธิ
🥋 Taekwondo วินัย การควบคุมตนเอง
🍳 Cooking Class ทักษะชีวิต + วิทยาศาสตร์เบื้องต้น

เด็กแต่ละคนจะได้ลองเรียน อย่างน้อย 3–5 วิชาต่อสัปดาห์
โดยเราจะสังเกต วิเคราะห์ และส่งรายงานให้ผู้ปกครองทุกเดือน
เพื่อร่วมกันค้นหา “แนวทางเฉพาะของลูกคุณ”


🧭 ทำไมต้องเริ่มตอนนี้?

เพราะการค้นพบความถนัดของลูก ต้องใช้เวลา
และเวลาที่ดีที่สุดคือ… ตอนนี้
เด็กที่ค้นพบเร็ว จะมีแรงจูงใจในการเรียน มีความมั่นใจ และเลือกเส้นทางชีวิตได้แม่นยำ


✅ ทดลองได้จริง ไม่ต้องจินตนาการ

  • 📌 มาเยี่ยมชมโรงเรียน และพูดคุยกับครูประจำวิชา
  • 🧒 ทดลองเรียนจริง 1 วัน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
  • 🧠 รับคำแนะนำแนวโน้มความถนัดของลูกเบื้องต้น
  • 📸 รับภาพถ่ายและรายงานหลังการทดลองเรียน

📞 โทรเลย: 087-484-7887
📍 สถานที่: Kitamura House International School – ลาดกระบัง
🌐 เว็บไซต์: www.kitamurahouse.com

✨ “ให้ลูกได้ลองทุกสิ่งที่เขาอาจรัก... เพราะการค้นพบตัวเองคือของขวัญที่ดีที่สุด”

kitamura

A Whole-Child Journey from Nursery to Life Design Readiness
เส้นทางการเรียนรู้แบบองค์รวม คิตะ 1–12 สู่การออกแบบชีวิต


📘 Curriculum Philosophy

หลักสูตรรายบุคคลที่ออกแบบเพื่อเด็กทั้งคน ชีวิตทั้งชีวิต และอนาคตทั้งเส้นทาง
Kita 1–12 Life Design Curriculum พัฒนาเด็กผ่าน 3 แกนหลัก: วิชาชีวิต – วิชาการ – วิชาชีพ
โดยบูรณาการกับ 7 ด้านพัฒนาการสำคัญตามแนวทางสากล
เราสร้างรากฐานด้วย EF (Executive Function) วินัยแบบญี่ปุ่น และการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง เพื่อให้เด็กเติบโตอย่างมั่นคง เข้าใจตนเอง และพร้อมออกแบบชีวิตในแบบของเขาเอง

A tailor-made learning journey that builds every child across 7 essential development domains – grounded in Executive Function, Japanese discipline, and experiential learning – through the three learning pillars: Life Skills, Academics, and Future Readiness.

kitamura

🎯 Curriculum Vision – วิสัยทัศน์หลักสูตร

เพราะชีวิตของลูกเริ่มต้นนับจากก้าวแรกที่ลืมตา เราจึงออกแบบเส้นทางที่ไม่ใช่แค่การเรียนเพื่อเตรียมสอบ แต่คือการเติบโตเพื่อรู้จักตนเอง เข้าใจโลก และกล้าสร้างทางเดินชีวิตของตัวเองอย่างมีเป้าหมาย

Kita 1–12 Life Design Curriculum คือหลักสูตรที่ค่อย ๆ ปลูกฝังรากชีวิตของเด็ก ตั้งแต่วัยเตาะแตะจนถึงวัยก่อนมัธยม ผ่านการดูแลแบบรายบุคคล การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง EF ที่ฝังอยู่ในทุกวัน และวินัยแบบญี่ปุ่นที่ไม่กดดันแต่มั่นคง


📚 สาระหลัก 3 แกน (3 Core Learning Pillars)

  • วิชาชีวิต (Life Skills)
    • ทักษะ EF: การวางแผน สมาธิ ความยืดหยุ่น การควบคุมตนเอง
    • ความฉลาดทางอารมณ์ / การรู้จักตนเอง
    • วินัยแบบญี่ปุ่น: 5ส กิจวัตร การเคารพและความรับผิดชอบ
  • 📘 วิชาการ (Academic Mastery)
    • ภาษาไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น
    • คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม เทคโนโลยี
    • ทักษะการคิด การวิเคราะห์ การอ่าน เขียนตามมาตรฐานสากล (CEFR, JLPT)
  • 💪 วิชาชีพ (Career & Life Design)
    • การเขียนโค้ด หุ่นยนต์ งานครัว การวางแผนชีวิต
    • ความรู้การเงิน โครงงานประดิษฐ์ ทักษะผู้ประกอบการ
    • การค้นหา Passion และออกแบบเส้นทางชีวิต

🌈 7 ด้านพัฒนาการ (7 Development Domains)

  1. 🧠 Executive Function (EF) – รากฐานของสมาธิ การยับยั้งพฤติกรรม การคิดเป็นลำดับ การประเมินตนเอง
  2. 🧼 Self-Care & Responsibility – การดูแลตนเอง กิจวัตรประจำวัน ความเป็นระเบียบและความรับผิดชอบ
  3. 🤝 Social & Emotional Development – การสื่อสาร การเห็นใจผู้อื่น การแก้ปัญหา การอยู่ร่วมในสังคม
  4. 🧩 Cognitive & Thinking Skills – การคิดวิเคราะห์ ตรรกะ การสังเกต การตั้งคำถาม
  5. 🌐 Language & Communication – การสื่อสาร 3 ภาษา: ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น ทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน
  6. 🎨 Creativity & Aesthetics – ศิลปะ ดนตรี นิทาน การออกแบบ และการแสดงออกเชิงสร้างสรรค์
  7. Physical Development – กล้ามเนื้อใหญ่ กล้ามเนื้อเล็ก กีฬา การเคลื่อนไหว และการดูแลสุขภาพ

🧭 Learning Stages & Focus – แบ่งพัฒนาการตามช่วงวัย

ระดับ อายุ โฟกัสสำคัญ
Nursery 1–2 ปี เริ่มต้นชีวิตในโลกใบใหม่อย่างมั่นคง ผ่านกิจวัตรที่อ่อนโยน เสริม EF ด้านการรอคอย การฟัง และการทำตามขั้นตอนอย่างเรียบง่าย พร้อมกระตุ้นประสาทสัมผัสและพัฒนาการทางอารมณ์อย่างต่อเนื่อง
Kinderstage 3–5 ปี เล่นเพื่อรู้จักตัวเอง ฝึก EF ผ่านการเล่นอย่างมีเป้าหมาย เริ่มเรียนรู้พื้นฐานวิชาการแบบเป็นธรรมชาติในภาษา คณิต วิทย์ พร้อมพัฒนาอารมณ์ การอยู่ร่วม และความคิดสร้างสรรค์ในชีวิตประจำวัน
Early Primary 6–8 ปี ต่อยอดการเรียนรู้ด้วยโครงสร้างและความเข้าใจ สร้างระบบวิชาอย่างเป็นขั้นตอน เสริม EF ผ่าน Life Board, ฝึกคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา และแสดงออกอย่างมั่นใจ พร้อมบูรณาการวิชาชีพเบื้องต้น
Primary 9–12 ปี เติบโตด้วยตนเองในแบบที่มีเป้าหมาย เด็กวางแผนชีวิตผ่าน Passion Project, ฝึก Self-Directed Learning อย่างเข้มข้น พร้อมเสริมภาวะผู้นำ การจัดการเวลา และความรับผิดชอบต่อเป้าหมายในชีวิตจริง

🔑 Key Features – จุดเด่นของหลักสูตร

  • หลักสูตรรายบุคคล Tailor-made ตามจังหวะชีวิตของเด็กแต่ละคน
  • สอน 3 ภาษา (ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น) ด้วยสถานการณ์จริง
  • ฝัง EF ในทุกกิจกรรม ทั้งวิชาและชีวิตประจำวัน
  • เรียนรู้แบบโครงงาน / Field Trip / Life Lab ทุกเทอม
  • มีระบบ Portfolio เชิงพัฒนาการ 7 ด้าน
  • เรียน 12 เดือนต่อปี เสริมพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง

📌 Conclusion – สรุปบทท้าย

Kita 1–12 Life Design Curriculum ไม่ใช่แค่หลักสูตร แต่คือคำสัญญาที่เรามีต่อครอบครัวทุกครอบครัว ว่าเราจะอยู่เคียงข้างการเติบโตของลูกคุณทุกวันอย่างมีความหมาย เพื่อให้เขากลายเป็นคนที่มีวินัย คิดเป็น ใช้ชีวิตเป็น และมีเป้าหมายของตนเองในโลกใบนี้

kitamura

🏡 สิ่งที่ Kitamura House ให้ความสำคัญ

เมื่อเด็กทำพลาด หรือมีปัญหากับเพื่อน ๆ
เราเลือกที่จะไม่ดุ แต่จะพยายามชวนเขา “ทบทวนว่าจริง ๆ แล้วต้องการอะไร”
เพราะเรามองว่า ความผิดพลาดและการสะดุดล้มของเด็กคือ “โอกาสในการเติบโต”
ที่ Kitamura House เราเน้นพัฒนาทักษะ EF (Executive Function หรือการทำงานเชิงบริหารในสมอง)
ไม่ใช่การตำหนิ แต่เป็นการสนทนาอย่างลึกซึ้ง ชวนคิดต่อ และช่วยให้เด็กก้าวผ่านสถานการณ์ไปได้อย่างมั่นคง

✨ How to: 4 คำพูดพิเศษจากคุณครูใหญ่ ช่วยให้เด็กกล้าเติบโต – แบบญี่ปุ่นที่ช่วยพัฒนา EF

🌱 1. เริ่มจาก “เข้าใจความรู้สึก” ของเด็กก่อน

เวลาที่เด็กทำพลาด เราอาจเผลอพูดว่า “ทำไมถึงทำแบบนี้!”
แต่สิ่งที่สำคัญคือผู้ใหญ่ควรตั้งสติ และรับฟังอย่างอ่อนโยน เช่น
“หนูอยากทำอะไรเหรอ?”
“จริง ๆ แล้วอยากจะทำอะไร?”
คำถามเหล่านี้จะช่วยให้เด็กได้เข้าใจตัวเอง เช่น เด็กที่แย่งของเล่น อาจแค่ยังไม่รู้วิธีชวนเพื่อนเล่น

🌱 2. บอกเด็กว่า “หนูทำได้นะ” ก่อนเข้าสู่การแก้ปัญหา

ก่อนจะชวนเด็กคิด ลองพูดว่า
“หนูอยากจะทำอย่างนั้นใช่ไหม? ได้นะ”
จากนั้นถามต่อว่า
“งั้นหนูคิดว่า ควรทำยังไงดีนะ ถึงจะทำแบบนั้นได้?”
คำพูดนี้ช่วยให้เด็กเปิดใจ และเรียนรู้การคิดอย่างสงบ

🌱 3. ตั้งคำถามชวนทบทวนพฤติกรรม

เมื่อเด็กใจเย็นแล้ว ชวนให้คิดทางเลือกอื่น ๆ เช่น
“ถ้าอยากทำแบบนั้น หนูคิดว่าจะทำอย่างไรดี?”
ไม่เน้นคำตอบถูกผิด แต่เน้นฝึกการคิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์

🌱 4. เมื่อลูกสามารถพูดว่า “ขอโทษ” ได้

หลังเหตุการณ์สงบ ชวนเด็กทบทวนว่า
- สิ่งที่ทำดีหรือไม่ดี
- มีผลกระทบกับใครบ้าง
- ควรรับผิดชอบอย่างไร

หากเด็กพูด “ขอโทษ” ได้ คือเขากำลังเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบ
ควรชมทันที เช่น:
“หนูสังเกตตัวเองได้ เก่งมากเลยนะ”
“การขอโทษต้องใช้ความกล้ามาก หนูทำได้แล้ว เยี่ยมเลยนะ”
“หนูกล้าที่จะเผชิญกับความรู้สึกของตัวเอง เก่งมากเลยลูก”

☁️ พ่อแม่ก็เรียนรู้ไปพร้อมกับลูกได้

การเลี้ยงลูกไม่มีสูตรสำเร็จ บางวันเราอาจเผลอใช้อารมณ์ แล้วก็รู้สึกเสียใจ
แต่ทุกครั้งที่เรากลับมานั่งคุยว่า
“คราวหน้าจะทำยังไงให้ดีกว่านี้”
เราเองก็ได้เติบโตไปพร้อมกับลูก

🌈 4 ขั้นตอนง่าย ๆ เริ่มได้วันนี้

  1. “จริง ๆ แล้วอยากจะทำอะไร?”
  2. “หนูทำได้นะ”
  3. “ถ้าอยากทำแบบนั้น หนูคิดว่าจะทำอย่างไรดี?”
  4. ถ้าลูกพูด “ขอโทษ” แล้ว ให้คำชมที่อบอุ่น

เพียงเท่านี้ ก็สร้างการเปลี่ยนแปลงในใจเด็กได้มากมาย

✨ ทิ้งท้าย

❤️ “ความผิดพลาด” ไม่ใช่ “ความล้มเหลว” แต่มันคือ “โอกาสในการเรียนรู้”
❤️ หากเรามีความเชื่อว่า “เด็กสามารถเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงได้”
เราก็จะสามารถยืนเคียงข้างพวกเขาได้ ด้วยใจที่เปิดกว้างและอ่อนโยน
เริ่มวันนี้เลยนะคะ

📲 สนใจเข้าชมโรงเรียน หรือลองเรียนฟรี

👉 087 484 7887
🌐 www.kitamurahouse.com

kitamura

🏡 Kitamura House が大切にしていること

子どもが失敗したり、友だちとトラブルを起こしたとき、
私たちは叱るのではなく、「本当は何をしたかったのか」を一緒に考えるようにしています。
なぜなら、失敗やつまずきは子どもにとって “成長のチャンス” だからです。
Kitamura House では、EF(Executive Function=実行機能)の発達を大切にしています。
叱るのではなく、深く話し合い、気づきへ導き、子どもが自信を持って前に進めるよう支援します。

✨ How to: 園長先生の子どもが育つ4ステップの声かけ方


1️⃣ まずは「気持ちを理解すること」から

子どもが失敗したとき、私たち大人はつい「どうしてそんなことしたの!?」と言ってしまいがちです。
でも、大切なのは大人がまず落ち着いて、やさしく耳を傾けることです。

  • 「何をしたかったのかな?」
  • 「本当はどうしたかったの?」

こうした問いかけは、子どもが自分の気持ちに気づき、自己理解を深める手助けになります。
たとえば、友だちのおもちゃを取ってしまった子も、実は「おもちゃで遊びたかった」だけで、どう誘えばいいのかわからなかっただけなのかもしれません。

2️⃣ 解決を始める前に「いいよ」と伝える

🙆これはとても大切なステップです🙆
子どもがやりたいことを話し始めたとき、まずこう声をかけましょう:

「それをやってみたかったんだね、いいよ。」

こうした言葉は、子どもの心を開き、安心して聞く耳を持てるようになります。
「自分の気持ちが否定されていない」と感じられるからです。
そのあとで、次のように問いかけします:
「じゃ、それをするためには、どうしたらいいと思う?」
これは信頼関係を築き、子どもが落ち着いて考えられる土台をつくります。

3️⃣ 行動をふり返る質問をしよう

子どもの心が落ち着いたら、一緒に他の方法について考えてみましょう。

「もしそれをしたいんなら、どうしたらいいと思う?」

正解を与えることが目的ではありません。
子ども自身に考える機会を与えることで、実体験から学べるのです。
これは「分析力」「問題解決力」といったEFスキルのトレーニングになります。
たとえば、「友だちのおもちゃで遊びたい」ときは「そのおもちゃで遊びたいんだね、いいよ。じゃ、どうしたらいいと思う?いっしょに遊ぼうって言ってみようか?」という声かけもできます。

4️⃣ 子どもが「ごめんね」と言えたとき

トラブルが落ち着き、子どもが気持ちを整理できたら、もう一度ふり返ってみましょう:

  • 😔 その行動はよかった?よくなかった?
  • 😔 まわりの人にどんな影響があったかな?
  • 😔 どうすれば責任をとることができるかな?

子どもが素直に「ごめんなさい」と言えた時は、
自分の誤った行動を認識し、責任をとる覚悟ができたという証です。
その時は、その覚悟を認めてあげて、自信につなげてあげましょう。

  • 「素直に謝ることができたね。よくできました!」
  • 「ごめんねって言えたのは自分の行動に責任を持てたことだよ。よくできました。」
  • 「失敗と向き合えたね。よくできました。」

大人のこうした言葉は、子どもの

  • ❤️ 自己肯定感(Self-esteem)
  • ❤️ 自己制御力(Self-regulation)

を育み、社会の中で他人と共に生きていくための大切な力を育みます。

☁️ 親も子どもと一緒に学んでいこう

子育てに完璧な正解はありません。
時には感情的になってしまうこともあるでしょう。
でも、あとで子どもと話しながら、
「次はどうすればいいかな?」
とふり返ることができれば、親も一緒に成長していけますね。

Kitamura House では、日々のコミュニケーション、傾聴、そして許しを通して、
子どもと共に学び合う日々を大切にしています。

🌈 今日からできる4ステップ

  1. ✅ Step1. 「何をしたかったのかな?」
  2. ✅ Step2. 「君ならできるよ」
  3. ✅ Step3. 「じゃあどうすればよかったかな?」
  4. ✅ Step4. 「ごめんね」が言えたら、あたたかくほめよう

これだけで、子どもの心に大きな変化が生まれます。

✨ 最後に

「失敗」は「ダメなこと」じゃない。それは 「学びのチャンス」です。

私たちが「子どもは変われる・学べる存在だ」と信じるなら、子どもに寄り添い、あたたかい心で成長を支えることができます。

さあ、今日から始めてみませんか?💛


📲 園見学・無料体験をご希望の方はこちらまで
👉 087 484 7887

kitamura

🧠 แนวทางการพัฒนาทักษะชีวิต (Non-Cognitive Skills) ที่คิตามูระเฮ้าส์


🌟 คืออะไร?

ทักษะชีวิตที่ไม่ใช่ความรู้ในตำรา แต่คือ "ทักษะชีวิตแท้จริง" ที่ช่วยให้เด็กๆ เติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพ อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ และรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว


🔑 ทักษะเหล่านี้มีอะไรบ้าง?

  • ความมั่นใจในตนเอง
  • ความพยายาม / ไม่ยอมแพ้
  • การควบคุมอารมณ์
  • การสื่อสารและเข้าใจผู้อื่น
  • การทำงานเป็นทีม
  • ความคิดสร้างสรรค์
  • ความกล้าแสดงออก / กล้าลองสิ่งใหม่

🏡 ตัวอย่างกิจกรรมที่ฝึก Non-Cognitive Skills ที่คิตามูระเฮ้าส์

✅ ผ่านกิจวัตรประจำวัน

  • เวลารวมกลุ่มเช้าให้เด็กเล่าเรื่องของตัวเอง → ฝึกการสื่อสารและความมั่นใจ
  • เด็กจัดของเล่นเองทุกวัน → ฝึกความรับผิดชอบและวินัย
  • เด็กโตช่วยดูแลน้องเล็ก → ฝึกความเป็นผู้นำและความเห็นอกเห็นใจ

✅ ผ่านกิจกรรมปฏิบัติ

  • ทำสวน ปลูกผัก → รู้จักรอคอย ทำงานเป็นทีม
  • ฝึกแสดงละคร / ร้องเพลง → ฝึกกล้าแสดงออก กล้าเผชิญความตื่นเต้น
  • ทัศนศึกษา → ฝึกความกล้าในการปรับตัวและเรียนรู้จากโลกจริง

✅ ผ่านสถานการณ์จริง

  • เวลาทะเลาะกับเพื่อน ฝึกพูดคุยปรับความเข้าใจ → เรียนรู้การแก้ปัญหา
  • เวลาร้องไห้เพราะล้ม แต่ลุกขึ้นเองได้ → พัฒนาความยืดหยุ่นทางอารมณ์

💬 เสียงจากผู้ปกครอง

“ลูกเคยไม่กล้าพูด แต่ตอนนี้พูดต่อหน้าคนอื่นอย่างมั่นใจ”

“ลูกยอมรอคิว ยอมฟังเพื่อนมากขึ้น และมีน้ำใจมากขึ้นชัดเจน”


📌 ทำไมทักษะชีวิตเหล่านี้สำคัญ?

งานวิจัยจาก OECD และกระทรวงศึกษาธิการหลายประเทศยืนยันว่า ทักษะที่ไม่ใช่วิชาการ มีผลกับความสำเร็จในชีวิตมากกว่าความรู้ล้วนๆ

และช่วงวัยอนุบาล – ประถมต้น คือช่วง "ทอง" ที่สมองพัฒนาเร็วที่สุด จึงควรปลูกฝังตั้งแต่วันนี้

หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการพื้นที่ให้ลูกได้ “เติบโตเต็มศักยภาพทั้งภายในและภายนอก”
คิตามูระเฮ้าส์ พร้อมเป็นครอบครัวที่เดินเคียงข้างการเรียนรู้ของลูกค่ะ 🌷


📍 ข้อมูลโรงเรียน

  • ชื่อโรงเรียน: Kitamura House International Preschool
  • ที่อยู่: 98/36 หมู่บ้านมายด์ฮอฟฟ์ ถนนร่มเกล้า เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
  • โทร: 087-484-7887 (TH/EN/JP)
  • เว็บไซต์: www.kitamurahouse.com
kitamurahouse

🌟 7R ความจริงทั้ง 7 ที่ส่งเสริมทักษะการเรียนรู้แบบนำตนเอง (Self-Directed Learning)

ปลุกพลังการเรียนรู้จากภายใน ผ่านประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับโลกจริง


1. 🧑‍🏫 Real Expert – เรียนจากผู้รู้จริง

เด็กๆ ได้เรียนรู้จากครู ผู้เชี่ยวชาญ วิทยากร หรือบุคคลต้นแบบในชีวิตจริง เช่น แพทย์ นักวิทยาศาสตร์ นักแสดง หรือนักดนตรี ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจและความเข้าใจจากแหล่งความรู้ที่แท้จริง


2. 🧸 Real Thing – วัตถุจริงจับต้องได้

ไม่ใช่แค่ภาพในหนังสือ แต่เด็กได้สัมผัสกับของจริง เช่น พืชผัก อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ เครื่องดนตรี หรือสิ่งของในชีวิตประจำวัน เพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสและการคิดเชิงสร้างสรรค์


3. 🎭 Real Situation – สถานการณ์จริง

เด็กได้เผชิญและแก้ปัญหาในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เช่น การซื้อตั๋วรถไฟ การจัดการเงินค่าขนม หรือการดูแลเพื่อนที่ล้ม เพื่อฝึกทักษะชีวิตและการคิดอย่างเป็นระบบ


4. 📚 Real Theory – หลักการจริง

เด็กเรียนรู้ผ่านหลักคิดและเหตุผลที่สามารถเชื่อมโยงกับประสบการณ์ ไม่ใช่เพียงท่องจำ แต่เข้าใจ “ทำไม” และ “อย่างไร” ที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่ทำ


5. ⏳ Real Condition – เงื่อนไขจริง ณ เวลาปัจจุบัน

เด็กได้ตัดสินใจและลงมือทำภายใต้ข้อจำกัดของเวลา พลังงาน หรือสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นจริง เช่น การจัดเวลาในภารกิจ 1 วัน หรือปรับแผนเมื่อเกิดฝนตกระหว่างทำสวน


6. 🏕️ Real Place – สถานที่จริงนอกห้องเรียน

การเรียนรู้นอกกรอบห้องเรียน 4 เหลี่ยม เช่น ทัศนศึกษา ฟาร์มจริง ห้องทดลองจริง สนามเด็กเล่นจริง เพื่อเปิดโลกและเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง


7. 👨‍👩‍👧‍👦 Real Parenting – การสนับสนุนจากผู้ดูแลเด็กอย่างแท้จริง

การสร้างการเรียนรู้นำตนเองจะเกิดขึ้นได้เมื่อผู้ปกครองเข้าใจ และร่วมเป็น "โค้ชชีวิต" ที่รับฟัง เคารพ และสนับสนุนการเติบโตของลูกอย่างแท้จริง


✨ เพราะ "ของจริง" คือครูที่ดีที่สุด

7R คือหัวใจของแนวทางการเรียนรู้ที่ปลุกศักยภาพภายในให้เด็กๆ ค้นพบตนเองอย่างแท้จริง เรียนรู้จากโลกจริง เพื่อเติบโตเป็นมนุษย์ที่มั่นใจ เข้าใจ และพร้อมเผชิญโลกในอนาคต


📍 ข้อมูลโรงเรียน

  • ชื่อโรงเรียน: Kitamura House International Preschool
  • ที่อยู่: 98/36 Romklao Rd Soi 38/1, Khlong Sam Prawet, Lat Krabang, Bangkok 10520
  • โทร: 087-484-7887 (TH/EN/JP)
  • เว็บไซต์: www.kitamurahouse.com
เรียนเชิญผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรมสุดพิเศษ

"เลี้ยงลูกอย่างไรให้พึ่งพาตนเองได้ในโลกยุคดิจิตอล"

พร้อมรับฟังแนวทางการเรียนรู้รูปแบบใหม่ตามกลุ่มประสบการณ์
เพื่อค้นหาความถนัดเฉพาะบุคคลของ Pachara Education Hub

รศ. ดร. วิมลทิพย์ มุสิกพันธ์

ผู้เชี่ยวชาญการให้คำปรึกษาครอบครัว
อาจารย์ประจำหลักสูตรนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็ก
สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัย มหิดล

  • สาร์ 24 กันยายน 2022 10 : 30 - 12 : 30 AM
  • ณ ศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัยนานาชาติคิตามูระเฮ้าส์ ร่มเกล้า
  • Register : Line ID panatdakitamura
  • More info : 087-484-7887

📍 ข้อมูลโรงเรียน

  • ชื่อโรงเรียน: Kitamura House International Preschool
  • ที่อยู่: 98/36 หมู่บ้านมายด์ฮอฟฟ์ ถนนร่มเกล้า เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
  • โทร: 087-484-7887 (TH/EN/JP)
  • เว็บไซต์: www.kitamurahouse.com
  • 1. เสริมสร้างพัฒนาการทางจิตใจ และทักษะความฉลาดด้านอารมณ์ EQ เพื่อให้ลูกมีทักษะในการเข้าใจตนเอง กำกับตนเอง สร้างแรงบันดาลใจตนเอง เห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีทักษะสังคมและจิตสาธารณะ
  • 2. เสริมสร้างพัฒนาการทางสมองด้วย เทคนิควินัยเชิงบวก(Positive Discipline) สอนและการฝึกฝนเด็กให้มีพฤติกรรมตามที่พึงประสงค์ด้วยการสื่อสารเชิงบวก และฝึกให้เด็กใช้ทักษะสมองส่วนหน้าเชิง Executive function หรือ EF ให้เด็ก คิดเป็น ทำเป็น เรียนรู้เป็น แก้ปัญหาเป็น อยู่กับผู้อื่นอย่างมีความสุข มีการรักษาสัมพันธภาพระหว่างเด็กและผู้ดูแลโดยการแสดงความรักความเอาใจใส่
  • 3. ฝึกกระบวนการสร้างแรงจูงใจให้ตนเอง (Self-motivation) ด้วยการโค้ชให้เด็กสามารถที่จะระบุเป้าหมายของตนเองอย่างเจาะจง สร้างแรงจูงใจภายในที่จะนำไปสู่เป้าหมาย ติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง
  • 4. เสริมสร้างบุคลิกภาพและความมั่นใจด้วยทักษะการพูด การทักทาย การกล่าวสวัสดี ขอบคุณ ขอโทษ การแบ่งปัน การรอคอย การเดิน การขึ้นลงบันได และการนั่งตัวตรง การฝึกมารยาทสังคมตามกาลเทศะ
  • 5. ฝึกทักษะความรับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวมด้วย งานบ้าน งานครัวขั้นพื้นฐาน ทำอาหารคาวหวาน เก็บล้างจานหลังทานข้าว จัดระเบียบ กวาด เช็ด ถู ทิ้งขยะให้ลงถัง รักษาความสะอาดปลอดภัยส่วนตัวและส่วนรวม
  • 6. เนื้อหาแบบเรียนสอดคล้องกับหลักสูตรปฐมวัย กระทรวงศึกษาธิการ หลักสูตรการพัฒนาเด็กปฐมวัยอนุบาลโยโกมิเนะประเทศญี่ปุ่น หลักสูตรภาษาอังกฤษ Oxford Phonics
  • 7. เสริมสร้างสุนทรียทางอารมณ์ ด้วยกิจกรรมเข้าจังหวะ นิทาน ร้องเพลง ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น เพียนิก้า เปียโน กลองอะคูสติก คีย์บอร์ด อูคูเลเล่
  • 8. เสริมสร้างสมรรถนะทางร่างกายและความสามารถในการทรงตัว การวางแผนการเคลื่อนไหว การใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ด้วยหลักสูตรพลศึกษา อนุบาลโยโกมิเนะ จากประเทศญี่ปุ่น กิจกรรมกลางแจ้ง ณ ลานทรายและห้องเรียนธรรมชาติ

Curriculum

kitamurahouse
kitamurahouse
kitamura
kitamura
kitamura

📍 ข้อมูลโรงเรียน

  • ชื่อโรงเรียน: Kitamura House International Preschool
  • ที่อยู่: 98/36 หมู่บ้านมายด์ฮอฟฟ์ ถนนร่มเกล้า เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
  • โทร: 087-484-7887 (TH/EN/JP)
  • เว็บไซต์: www.kitamurahouse.com
kitamurahouse
日本語学習に役立つサイトとページをまとめました。

絵本ひろば

文法の理解におすすめです。
URL : https://ehon.alphapolis.co.jp/

おすすめページ

JLPT

日本語能力試験N5からN1までの模擬試験があります。
URL : https://www.jlpt.jp/

おすすめページ

MLC Japanese Language School

日本語能力試験N5からN1までの漢字・語彙を覚えるときに非常に便利。
URL : http://jlptpro.com/

おすすめページ

Kanji 123

日本語能力試験N5からN1までの漢字の選択問題があります。
URL : https://kanji123.org/

おすすめページ

JLPT 先生

日本語能力試験N5からN1までの漢字リストがあります。
URL : https://jlptsensei.com/

おすすめページ
kitamurahouse
โฟนิคส์ (Phonics) คืออะไร?
สมัยนี้การเรียนภาษาอังกฤษที่มักได้ยินกันบ่อยในหมู่เด็กๆ ก็คือการเรียนโฟนิคส์ ที่ต่างเรียนกันอย่างแพร่หลาย จนหลายท่านอาจสงสัยว่าการเรียนโฟนิคส์นั้นคืออะไร ทำไมสมัยเราเรียนหนังสือไม่เห็นเคยได้ยินหรือเคยรู้จักมาก่อน ทำไมสมัยนี้พูดกันเยอะมาก วันนี้จะเล่าเรื่องการเรียนโฟนิคส์ให้ทราบกันคร่าวๆ ดังนี้ค่ะ
โฟนิคส์ คือวิธีการเรียนอ่านเขียนและออกเสียงภาษาอังกฤษโดยใช้หลักการถอดรหัสเสียงและการผสมเสียงตัวอักษร a ถึง z ทั้ง 26 ตัว ผู้เรียนจะต้องเข้าใจเสียงของตัวอักษรต่างๆ และออกเสียงเหล่านั้นให้ได้อย่างถูกต้องจึงจะสามารถผสมเสียงออกมาเป็นคำได้ ยกตัวอย่างเช่น การสะกดคำว่า cat ในสมัยเราๆ จะท่องกันว่า ซี-เอ-ที แคท แมว ซึ่งยากที่จะเข้าใจว่าทำไม ซี-เอ-ที ถึงกลายเป็นแคทไปได้ เพราะการท่องแบบนี้ไม่ได้ใช้หลักการผสมเสียงแต่เป็นการท่องจำการสะกดคำเสียมากกว่า
จากตัวอย่างนี้ ถ้าเรียนตามหลักโฟนิคส์ จะสอนให้รู้จักตัว “c” จากเสียงของมันคือเสียง “ค” (ออกเสียงเคอะ เบาๆ ในลำคอ) ตัว “a” เป็นเสียง “แอะ” และตัว “t” เป็นเสียง “ท” (ออกเสียง เทอะ เบาๆ ใช้ปลายลิ้นกระทบฟันหน้าบน) และผสมเสียงกันเป็น “ค-แอะ-ท แคท” (ลองออกเสียง ค-แอะ-ท ซ้ำๆ เร็วๆ จะพบว่าสุดท้ายจะออกเสียงเป็น “แคท”) หลักการถอดรหัสเสียง และผสมเสียงแบบนี้แหละค่ะที่เรียกว่าโฟนิคส์นั่นเอง ซึ่งผู้เรียนจะต้องฝึกผสมเสียงพยัญชนะ สระต่างๆ ที่หลากหลายจนคล่องแคล่วโดยใช้หลักโฟนิคส์นี้ค่ะ

แล้วคำที่ไม่ได้เป็นไปตามหลักโฟนิคส์ล่ะ มีไหม หลักโฟนิคส์ใช้อ่านหรือสะกดคำต่างๆ ได้เป็นส่วนใหญ่ แต่แน่นอนค่ะมีคำบางคำที่อ่านในรูปแบบเฉพาะที่ไม่ใช่ตามหลักโฟนิคส์ ซึ่งเราจะเรียกคำเหล่านี้ว่า “คำพิเศษ” หรือ “Special words” เช่น คำว่า watch หากอ่านตามหลักโฟนิคส์อ่านว่า ว-แอะ-ท-ช แวทช แต่จริงๆ แล้วอ่านว่า วอทช เพราะตัว “a” ที่ปกติเป็นเสียง “แอะ” พออยู่ในคำนี้ออกเป็นเสียง “เอาะ” เป็นต้น ซึ่งคำพิเศษนี้เด็กๆ จะได้เจอเมื่อเขาอ่านเยอะ อ่านมาก และฝึกสังเกตคำต่างๆ หากคุณครูหรือคุณพ่อคุณแม่ช่วยแนะนำด้วยเมื่อเด็กเจอคำพิเศษเหล่านี้ก็จะยิ่งดีค่ะเรียนแล้วได้อะไร การเรียนโฟนิคส์จะช่วยให้เด็กๆ ออกเสียงได้ถูกต้อง ทำให้พวกเขาสื่อสารภาษาอังกฤษได้ชัดเจน และสามารถอ่านเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถสะกดคำศัพท์ต่างๆ ได้ด้วยตัวเองอย่างคล่องแคล่วจากการรู้จักเสียงของตัวอักษรและเข้าใจหลักการผสมเสียง แม้ในช่วงแรกการเรียนแบบโฟนิคส์จะดูช้ากว่าการเรียนแบบท่องจำมาก เพราะเด็กต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจเสียงและหลักการผสมคำจากง่ายไปยาก ต้องฝึกซ้ำๆ เพื่อให้จำได้ และมีบทศึกษามากมายที่ยืนยันว่าเด็กที่เรียนการอ่านเขียนแบบนี้จะสามารถเรียนภาษาอังกฤษได้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่านักเรียนทั่วไป และมีความแตกฉานทางภาษา รักการอ่าน การค้นคว้าหาความรู้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับตัวเขาเองในอนาคตเรียนโฟนิคส์แล้วจะนำมาใช้ทันกับหลักสูตรแบบดั้งเดิมของโรงเรียนทั่วไปหรือเปล่า การเรียนโฟนิคส์นั้น จะเรียนแบบค่อยเป็นค่อยไป จึงจะดูช้ากว่าการเรียนแบบท่องจำ เพราะเด็กๆ ไม่ว่าจะโตแค่ไหน เรียนระดับไหนก็ต้องมาเริ่มที่เสียง a b c … แล้วค่อยๆ หัดผสมเสียงจากง่ายก่อน ดังนั้น จะคาดหวังให้ใช้หลักโฟนิคส์สะกดคำยากๆ ได้เลยตามที่โรงเรียนให้การบ้านมาในช่วงแรกของการเรียนโฟนิคส์ก็อาจดูยากเกินไปสำหรับลูก เช่น ลูกเพิ่งเรียนการผสมเสียงสระตัว “a” เช่นคำว่า bat, hat, rat, mat หากจะให้สะกดคำว่า January โดยหลักโฟนิคส์เลย คงยังทำไม่ได้ แต่ในระยะยาวเมื่อลูกเรียนจบและได้มีการฝึกอ่านอย่างสม่ำเสมอ แน่นอนว่าการเรียนโฟนิคส์จะช่วยส่งเสริมให้การอ่าน การสะกดคำต่างๆ เป็นไปได้ง่ายขึ้น และเข้าใจหลักการออกเสียง การอ่านเขียนอย่างแท้จริง จึงมีบทวิจัยออกมาหลายสำนักว่าหลักโฟนิคส์ช่วยให้เรียนภาษาอังกฤษได้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่านักเรียนทั่วไปถึง 2-3 ปีหลักโฟนิคส์นี้เป็นการเรียนแบบใหม่ที่เพิ่งค้นพบหรือ หลักโฟนิคส์ เป็นหลักการอ่านเขียนที่เรียนกันมาตั้งแต่โบราณแล้ว แต่เมื่อราว 20-40 ปีที่ผ่านมาได้เลือนหายไป เนื่องจากมีทฤษฎีใหม่ที่บอกว่าการอ่านแบบโฟนิคส์นั้นยุ่งยาก กว่าจะแตกเสียง ผสมเสียง จนอ่านเป็นคำนั้นช้าไม่ทันใจ หันมาใช้วิธีเรียนแบบจำคำศัพท์เป็นคำๆ ที่เรียกว่า Whole Language ดีกว่าเพราะเร็วกว่ากันเยอะ โรงเรียนในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย จึงเลิกสอนโฟนิคส์ไปตามๆ กัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปีกลับพบว่าความสามารถในการอ่านเขียนของประชาชนต่ำลง เพราะคนเรานั้นจดจำคำศัพท์ได้จำกัด และการไม่รู้หลักการสะกดนั้นก็ทำให้อ่านได้ไม่คล่อง เมื่อเห็นคำยากหรือคำใหม่ที่ไม่คุ้นเคยก็ไม่อยากอ่าน ทำให้การอ่านค้นคว้าความรู้ต่างๆ ลดลงตามไปด้วย จึงมีฟื้นฟูการเรียนโฟนิคส์ให้นำกลับมาสอนอีกครั้งเพื่อให้เด็กๆ เข้าใจหลักการอ่านเขียนอย่างแท้จริง

ในประเทศออสเตรเลียมีโรงเรียนที่ยึดมั่นใช้การสอนตามหลักโฟนิคส์มาตลอดหลายสิบปีด้วยความเชื่อมั่นและปรากฏว่านักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้สามารถกวาดรางวัลการอ่าน การออกเสียง การเขียนเรียงความทั้งในระดับชุมชนและระดับประเทศได้จนมีชื่อเสียงไปทั่ว ทำให้เชื่อได้เลยว่าหลักโฟนิคส์เป็นประโยชน์สำหรับเด็กๆ อย่างแท้จริง

ผลจากการเรียนโฟนิคส์ของเด็กไทยเป็นอย่างไรบ้าง
เด็กๆ แม้แต่ระดับอนุบาลที่ได้เรียน ก็สนุกที่จะออกเสียงตัวอักษรต่างๆ ภาคภูมิใจที่ผสมคำได้ด้วยตนเอง และเมื่อกลับบ้านก็ยังชอบที่จะอ่านป้าย อ่านและสะกดคำต่างๆ ตามหลักที่ได้เรียนมา จะผิดบ้างถูกบ้างก็ไม่เป็นไรแต่เขาก็สนุกที่จะลองใช้ความรู้ที่เรียนมาไปกับคำรอบๆ ตัวที่หลากหลาย ซึ่งเป็นการเริ่มต้นสร้างทัศนคติที่ดีในการออกเสียงและการอ่านเขียนตามหลักที่ถูกต้อง และจะช่วยพัฒนาการออกเสียงและการอ่านเขียนของพวกเขาอย่างมากในระยะยาว และสามารถต่อยอดไปสู่ทักษะอื่นๆ ที่สำคัญในอนาคต เช่น การเขียนเรียงความ เขียนบทความ การจับประเด็น จับใจความ คิดวิเคราะห์เนื้อหาอย่างเป็นเหตุผลด้วย

หากอยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษ ควรเรียนโฟนิคส์อย่างเดียวเลยหรือไม่
แม้โฟนิคส์จะเป็นความรู้และเป็นพื้นฐานที่ดีในการออกเสียงและการอ่านเขียน แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทักษะภาษาอังกฤษทั้งหมด ดังนั้น นอกจากโฟนิคส์แล้ว คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมปูพื้นฐานในเรื่องการฟัง การพูดภาษาอังกฤษของลูกให้ดีควบคู่กันไปด้วย เพราะเป็นทักษะที่สำคัญไม่แพ้กัน และต้องการการฝึกฝนเป็นประจำสม่ำเสมอเพื่อให้ฟังพูดได้คล่องแคล่ว แตกฉาน มั่นใจ และความรู้ความเชี่ยวชาญในแต่ละทักษะยังสามารถนำมาเชื่อมโยงต่อยอดกันและกันได้ด้วย ที่สำคัญ คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมว่าไม่ว่าจะเรียนอะไรก็ตาม ลูกๆ จะเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อพวกเขาเรียนรู้ด้วยความสนุกสนานค่ะ

Contact Us

ศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัยนานาชาติคิตามูระเฮ้าส์

เนอสเซอรี่สไตล์ญี่ปุ่น-เรียนสนุก คิดเป็น เน้นทักษะชีวิต-ร่มเกล้า ลาดกระบัง

  • 087 484 7887
  • www.kitamurahouse.com
  • 98/36 หมู่บ้าน มายด์ ฮอฟฟ์ (ร่มเกล้า-สุวรรณภูมิ) ถนน ร่มเกล้า แขวง คลองสามประเวศ เขต ลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร 10520

Video Gallery - How to teach Blending to Read with Jolly Phonics

Kitamura House

แนวทางการศึกษาสไตล์ญี่ปุ่นจากอาจารย์ Yoshifumi Yokomine ผู้ก่อตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กTooriyama (通山保育園) ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเน้นการปลุกศักยภาพในตัวเด็กทุกคน โดยเชื่อว่า “เด็กทุกคนมีพรสวรรค์” หากมีการดูแลและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
คิตามูระเฮ้าส์ได้รับสิทธิ์ลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการในการใช้หลักสูตรโยโกมิเนะ และเป็นโรงเรียนคู่สัญญาอย่างถูกต้องจากประเทศญี่ปุ่น

Click video


🌟 ปรัชญาโยโคมิเนะ

ชีวิตที่ได้รับจากฟากฟ้านั้นสุดแสนวิเศษ

คนเราไม่ได้ทำอะไรเป็นมาเลยตั้งแต่เกิด เด็กจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู และสภาพแวดล้อม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งคน) เป็นคำพูดที่ตกทอดมาแต่โบราณที่ญี่ปุ่น เด็กทุกคนเป็นอัจฉริยะ ไม่มีเด็กคนไหนที่ทำไม่ได้ เพียงแต่บางคนอาจต้องใช้เวลา เพียงแค่ให้เวลากับเขา โดยเฉพาะช่วงเด็กเล็กจนถึง 6 ขวบ จะเป็นวัยสำคัญที่จะพัฒนาความสามารถ ความสมดุลเป็นสิ่งสำคัญ ฉะนั้นจึงต้องให้ความสำคัญกับพลังทั้ง 3 ด้านในช่วงวัยเด็ก ซึ่งก็คือ “พลังทางด้านจิตใจ” “พลังทางด้านการเรียน” “พลังทางด้านร่างกาย”

天が与えた命は素晴らしい

生まれつきではありません。子どもは環境(特に人)で育ちます。 日本には昔から氏より育ちという先人が残した言葉があります。 子どもは天才です。できない子なんていません。 時間がかかる子はいます。時間をかければいいだけ。 特に6歳までの時期が大事で可能になる時期です。 バランスが大事。幼児期は“心の力”“学ぶ力”“体の力” この3つを優先して取り組むべし。 ヨコミネ式教育法 横峯吉文先生からタイの保護者の皆様へ

kitamura
kitamura

วัตถุประสงค์

  • วัตถุประสงค์ขั้นสุดของหลักการเรียนการสอนแบบโยโคมิเนะคือ “การพึ่งพาตนเอง”
  • การพึ่งพาตนเองในที่นี้คือ “สามารถคิดเอง ตัดสินใจเอง ลงมือทำและฝึกฝนด้วยตัวเอง”

แนวทางการพัฒนาอัจฉริยภาพตามหลักโยโคมิเนะ

  • 1) การทำได้เป็นเรื่องน่าสนุก
  • 2) พอสนุกแล้วก็อยากฝึกฝน
  • 3) พอฝึกฝนเรื่อยๆก็จะเก่ง
  • 4) เมื่อเก่งก็จะทำให้ชอบ
  • 5) และก็อยากพัฒนาในก้าวต่อๆไป

📍 ข้อมูลโรงเรียน

  • ชื่อโรงเรียน: Kitamura House International Preschool
  • ที่อยู่: 98/36 หมู่บ้านมายด์ฮอฟฟ์ ถนนร่มเกล้า เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
  • โทร: 087-484-7887 (TH/EN/JP)
  • เว็บไซต์: www.kitamurahouse.com
Kitamura House
Denver II Child Development Screening เป็นการประเมินพัฒนาการรอบด้าน ทั้งพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เล็ก พัฒนาการทางภาษา ความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง พร้อมทั้งคัดกรองปัญหาด้านพฤติกรรม และ ภาวะเอ็นข้อต่อหย่อนด้วย
Video

Denver II ประกอบด้วยข้อทดสอบ 125 ข้อ แบ่งเป็น 4 ด้าน คือ

  • ด้านสังคมและการช่วยตนเอง หมายถึง การมีความสัมพันธ์และใช้ชีวิตร่วมกับบุคคลอื่นๆ กับการดูแลตนเองในกิจวัตรประจำวัน
  • ด้านใช้กล้ามเนื้อเล็กและปรับตัว หมายถึง การทำงานประสานกันระหว่างกล้ามเนื้อมือและตา การจัดการกับของชิ้นเล็ก และการแก้ไขปัญหา
  • ด้านภาษา หมายถึง การได้ยิน ความเข้าใจภาษา และการใช้ภาษา
  • ด้านใช้กล้ามเนื้อใหญ่ หมายถึง การทรงตัว และการเคลื่อนร่างกาย เช่น การนั่ง การเดิน การกระโดด และการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อใหญ่ทั้งหมด
นอกจากนี้หลังการทดสอบยังมีการบันทึกพฤติกรรมระหว่างทดสอบ 5 ข้อ ซึ่งทำให้ผลการทดสอบเป็นประโยชน์และแม่นยำมากขึ้น ได้แก่
  • เด็กเป็นเหมือนเช่นทุกวัน ใช่ หรือ ไม่ใช่
  • ความร่วมมือ ดีมาก พอควร หรือ น้อย
  • ความสนใจสิ่งแวดล้อม สนใจดี สนใจบ้าง หรือ ไม่สนใจเลย
  • ความกลัว ไม่กลัว กลัวเล็กน้อย หรือ กลัวมาก
  • ระยะความสนใจ เหมาะสมกับวัย เบี่ยงเบนความสนใจค่อนข้างง่าย หรือ เบี่ยงเบนความสนใจง่ายมาก
พัฒนาการ (Development) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงด้านคุณภาพหรือประสิทธิภาพของการทำหน้าที่ การเฝ้าระวังพฤติกรรมพัฒนาการของเด็กวัยต่างๆ เป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในเด็กปฐมวัยตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ 6 ปี
เพื่อจะได้ทราบว่าเด็กมีระดับความสามารถด้านต่างๆ เป็นอย่างไร สมวัยหรือไม่เพื่อจะได้แนะนำบิดามารดา ผู้เลี้ยงดูให้อบรมเลี้ยงดูและจัดสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสมกับความสนใจและความสามารถของเด็ก ทำให้เกิดโอกาสเรียนรู้และพัฒนาได้ครบทุกด้านอย่างสมดุลทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญาและสังคม เด็กจะได้เติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ ในกรณีที่พบว่าเด็กมีพัฒนาการผิดปกติ จะได้ตรวจวินิจฉัยช่วยเหลือแก้ไขแต่เริ่มแรก

สำหรับการทดสอบพัฒนาเพื่อคัดกรองอย่างเป็นระบบ (Developmental screening) จะต้องใช้เครื่องมือทดสอบคัดกรองพัฒนาการที่มีมาตรฐาน ผู้ทดสอบจะต้องได้รับการอบรมและผ่านการรับรองว่าเข้าใจเนื้อหาสาระพัฒนาการเด็ก สามารถทดสอบและสังเกตพฤติกรรมของเด็กและแปลผลอย่างถูกต้องตามคู่มือการทดสอบที่เป็นมาตรฐาน
Kitamura House
Kitamura House
Kitamura House

🧠 การประเมินพัฒนาการเด็กด้วย Denver II ที่คิตามูระเฮ้าส์

ที่คิตามูระเฮ้าส์ เราได้นำแบบประเมินพัฒนาการเด็ก “Denver II” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมาใช้เพื่อสนับสนุนพัฒนาการของเด็กอย่างเป็นระบบ การประเมินดำเนินโดยคุณฮิเดโอะ คิตามูระ ผู้ผ่านการอบรมเฉพาะทางและได้รับการรับรองจากมหาวิทยาลัยมหิดล โดยจะประเมินพัฒนาการในด้านภาษา การเคลื่อนไหว ความเข้าใจ และทักษะทางสังคมอย่างละเอียด เพื่อค้นหาความล่าช้าหรือจุดที่ควรส่งเสริมให้เร็วที่สุด

Kitamura House
Kitamura House
Kitamura House

Contact Us

ศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัยนานาชาติคิตามูระเฮ้าส์

เนอสเซอรี่สไตล์ญี่ปุ่น-เรียนสนุก คิดเป็น เน้นทักษะชีวิต-ร่มเกล้า ลาดกระบัง

  • 087 484 7887
  • www.kitamurahouse.com
  • 98/36 หมู่บ้าน มายด์ ฮอฟฟ์ (ร่มเกล้า-สุวรรณภูมิ) ถนน ร่มเกล้า แขวง คลองสามประเวศ เขต ลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร 10520
สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับ สำหรับเดือนนี้ คิตามูระเอ้าส์ขอนำเสนอบทเพลงดีดี ที่จะช่วยน้องๆ
ได้ฝึกทักษะการอ่าน และการออกเสียงภาษาญี่ปุ่น
ที่ทั้งสนุก ง่ายต่อการจดจำ อีกทั้งยังทำให้น้องๆออกเสียงได้ถูกต้องเหมือนเจ้าของภาษาเลยค่ะ

เพลงที่ช่วยให้น้องๆได้ฝึกภาษาญี่ปุ่น

1. อะอิอุเอะโอะ โนะ อุตะ あいうえおのうた+がぎぐげご「AIUEO Song」

2. อะอิอุเอะโอะ โนะ อุตะ อิน คาตะคานะ あいうえおのうた「AIUEO Song in Katakana」

3. อิชิ นิ ซัน โนะ อุตะ いちにさんのうた「123 Song」

4. อิชูกัน โนะ อุตะ いっしゅうかんのうた「One Week Song」

5. あたま、かた、ひざ、あし「Head, Shoulders, Knees and Toes」

6. あたま、かた、ひざ、あし (スピードアップ)「Head, Shoulders, Knees and Toes (Speed-up)」

7. バスのタイヤ「The Wheels On The Bus」

8. うんとでろうんち《東京ハイジ》

9. はみがきのうた《東京ハイジ》

10. ちっちゃなゆび「One Little Finger」

11. ひらいてとじて

12. 幸せなら手をたたこう

ภาษาญี่ปุ่น

ฝึกฝนภาษาญี่ปุ่น 4 ทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียนอย่างเป็นธรรมชาติ กับเจ้าของภาษา ด้วยเทคนิค Home-Base Japanese Style
เด็กสามารถต่อยอดความรู้ด้วยการ เตรียมตัวสอบ เพื่อรับทุนเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นในอนาคต (มีข้อมูลแนะนำเพื่อการสอบทุน)

หลักสูตรพัฒนาการทักษะด้านภาษา

เพื่อเป็นการเปิดโลกทรรศน์ให้กว้างขึ้น มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่เด็กๆจะมีความสามารถในการสื่อสารที่หลากหลาย ที่คิตามูระเฮ้าส์ การฝึกภาษาที่ 2,3 หรือ4 ไม่ใช่เรื่องยาก และน่าเบื่ออีกต่อไป ลองมาสัมผัสบรรยากาศการเรียนการสอน กับครูเจ้าของภาษา ผสมผสานเทคนิคเฉพาะ เต็มไปด้วยความสนุก และได้สาระ ได้พัฒนาทักษะทั้ง4 ฟัง พูด อ่าน เขียนอย่างครบถ้วน

คลาสเรียนภาษาญี่ปุ่นแบบคิตามูระเฮ้าส์

รูปแบบการสอนสนทนาภาษาญี่ปุ่นแบบคิตามูระเฮ้าส์ คือ วิธีการสอนสนทนารูปแบบใหม่ ที่ถูกคิดค้นขึ้นจากกระบวนการการสอนที่ทางผู้อำนวยการโรงเรียน Kitamura เป็นผู้สอนเด็กๆด้วยตนเอง
บทเรียนจะถูกสอนด้วยชีทเอกสารที่ได้คิดค้นผสมผสานจากคุณลักษณะเฉพาะของภาษาญี่ปุ่น และภาษาไทย โดยผ่านการ์ด, การสนทนา ในรูปแบบของเกมส์
ผู้เรียน สามารถจดจำรูปแบบประโยคพื้นฐานของภาษาญี่ปุ่น, วิธีการสอบถามหรือสื่อสารสิ่งที่ต้องการได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยผ่านเกมส์
ด้วยผลลัพธ์จากที่ผ่านมามากมายนี้ ทำให้เราคิด ว่านี่คือ1ในวิธีที่ช่วยให้เรียนรู้ การสนทนาภาษาญี่ปุ่นได้ง่ายที่สุด ในระยะเวลาอันสั้น
เรายึดคติที่ว่าวัยเด็ก4ขวบ สามารถเรียนรู้ได้อย่างง่ายดาย จนกระทังสามารถพูดได้โดยธรรมชาติ
ในขณะเดียวกัน เราก็สามารถเรียนรู้การอ่านการเขียน อักษรฮิระกะนะ, คะตะคะนะได้ด้วย
  • กลุ่มเป้าหมาย: ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ภาษาญี่ปุ่นที่มีอายุตั้งแต่4ขวบขึ้นไป
  • สื่อการสอน: ตำราสนทนาภาษาญี่ปุ่นในรูปแบบ KITAMURA, New System Japanese


📍 ข้อมูลโรงเรียน

  • ชื่อโรงเรียน: Kitamura House International Preschool
  • ที่อยู่: 98/36 หมู่บ้านมายด์ฮอฟฟ์ ถนนร่มเกล้า เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
  • โทร: 087-484-7887 (TH/EN/JP)
  • เว็บไซต์: www.kitamurahouse.com
kitamurahouse

テプシリン・ロムクラオ高校で、静岡大学の奨学金留学プログラムについての紹介と学習指導セミナーをしてきました。

キタムラハウスは日本留学を目指す生徒たちを応援します!

Kitamura Sensei had talked about Shizuoka Univercity's ABP (Asia Bridge Program, Studying in Japan) for the students of Debsirin Romkiao High School.

Kitamura House is supporting you to study in Japan!


What is Shizuoka Univercity's ABP ?

http://www.abp.icsu.shizuoka.ac.jp/eng/
https://www.facebook.com/abp.shizuoka.u/

Contact Us

ศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัยนานาชาติคิตามูระเฮ้าส์

เนอสเซอรี่สไตล์ญี่ปุ่น-เรียนสนุก คิดเป็น เน้นทักษะชีวิต-ร่มเกล้า ลาดกระบัง

  • 087 484 7887
  • www.kitamurahouse.com
  • 98/36 หมู่บ้าน มายด์ ฮอฟฟ์ (ร่มเกล้า-สุวรรณภูมิ) ถนน ร่มเกล้า แขวง คลองสามประเวศ เขต ลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร 10520

4 เพลงที่ช่วยให้น้องๆได้ฝึก Phonics


, 1. Phonics Song (A-Z)
Copyright 2009 A.J.Jenkins/KidsTV123: All rights reserved


2. Phonics Song (A-Z) 2 (new version)
Copyright 2012 A.J.Jenkins/KidsTV123: All rights reserved.


3. Phonics Song (A-Z) 3 (zed version)
Copyright 2011 A.J. Jenkins/KidsTV123: All rights reserved


4. Jolly Phonics Songs (Letters and Sounds)


4-1. Jolly Phonics Songs Phase 2 with Thai (Letters and Sounds)


4-2. Jolly Phonics Songs Phase 3 with Thai (Letters and Sounds)



東京ハイジ TOKIOHEIDI

เด็กๆอยากสนุกไปกับการร้องเพลงพร้อมกับได้ฝึกภาษาญี่ปุ่นผ่านเสียงเพลงกันไหม ?
คิตามูระเฮ้าส์ คัดสรรเลือกเพลงทั้ง 8 เพลง ที่จะช่วยให้น้องๆได้ฝึกฝนพร้อมพัฒนาทักษะด้านภาษาที่สนุกและไม่น่าเบื่อ ไปพร้อมๆกับเสียงดนตรีและตัวการ์ตูนที่น่ารักสีสันสดใส


8 เพลงที่ช่วยให้น้องๆได้ฝึกภาษาญี่ปุ่น

1. ฮามิกากิ โนะ อุตะ はみがきのうた《東京ハイジ》:

2. โอบาเคะ โนะ ฮอท เค้ก おばけのホットケーキ《東京ハイジ》:

3. เฮนชิน โอเดคาเคะ แมน へんしん!おでかけマン《東京ハイジ》:

4. เทคุ เทคุ อะรุโกะ てくてく歩こう《東京ハイジ》:

5. อุนโตะ เดโระ อุนจิ うんとでろうんち《東京ハイジ》:

6. ซุปูน ทัน  スプーンたん《東京ハイジ》:

7. ริงโกะ โนะ ฮิโตริ โกโตะ りんごのひとりごと《東京ハイジ》:>


Rooted, Confident, Life-Ready.

Where every child’s potential blooms through personalized care and a rich learning journey.