Parenting

kitamura

🏡 สิ่งที่ Kitamura House ให้ความสำคัญ

เมื่อเด็กทำพลาด หรือมีปัญหากับเพื่อน ๆ
เราเลือกที่จะไม่ดุ แต่จะพยายามชวนเขา “ทบทวนว่าจริง ๆ แล้วต้องการอะไร”
เพราะเรามองว่า ความผิดพลาดและการสะดุดล้มของเด็กคือ “โอกาสในการเติบโต”
ที่ Kitamura House เราเน้นพัฒนาทักษะ EF (Executive Function หรือการทำงานเชิงบริหารในสมอง)
ไม่ใช่การตำหนิ แต่เป็นการสนทนาอย่างลึกซึ้ง ชวนคิดต่อ และช่วยให้เด็กก้าวผ่านสถานการณ์ไปได้อย่างมั่นคง

✨ How to: 4 คำพูดพิเศษจากคุณครูใหญ่ ช่วยให้เด็กกล้าเติบโต – แบบญี่ปุ่นที่ช่วยพัฒนา EF

🌱 1. เริ่มจาก “เข้าใจความรู้สึก” ของเด็กก่อน

เวลาที่เด็กทำพลาด เราอาจเผลอพูดว่า “ทำไมถึงทำแบบนี้!”
แต่สิ่งที่สำคัญคือผู้ใหญ่ควรตั้งสติ และรับฟังอย่างอ่อนโยน เช่น
“หนูอยากทำอะไรเหรอ?”
“จริง ๆ แล้วอยากจะทำอะไร?”
คำถามเหล่านี้จะช่วยให้เด็กได้เข้าใจตัวเอง เช่น เด็กที่แย่งของเล่น อาจแค่ยังไม่รู้วิธีชวนเพื่อนเล่น

🌱 2. บอกเด็กว่า “หนูทำได้นะ” ก่อนเข้าสู่การแก้ปัญหา

ก่อนจะชวนเด็กคิด ลองพูดว่า
“หนูอยากจะทำอย่างนั้นใช่ไหม? ได้นะ”
จากนั้นถามต่อว่า
“งั้นหนูคิดว่า ควรทำยังไงดีนะ ถึงจะทำแบบนั้นได้?”
คำพูดนี้ช่วยให้เด็กเปิดใจ และเรียนรู้การคิดอย่างสงบ

🌱 3. ตั้งคำถามชวนทบทวนพฤติกรรม

เมื่อเด็กใจเย็นแล้ว ชวนให้คิดทางเลือกอื่น ๆ เช่น
“ถ้าอยากทำแบบนั้น หนูคิดว่าจะทำอย่างไรดี?”
ไม่เน้นคำตอบถูกผิด แต่เน้นฝึกการคิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์

🌱 4. เมื่อลูกสามารถพูดว่า “ขอโทษ” ได้

หลังเหตุการณ์สงบ ชวนเด็กทบทวนว่า
- สิ่งที่ทำดีหรือไม่ดี
- มีผลกระทบกับใครบ้าง
- ควรรับผิดชอบอย่างไร

หากเด็กพูด “ขอโทษ” ได้ คือเขากำลังเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบ
ควรชมทันที เช่น:
“หนูสังเกตตัวเองได้ เก่งมากเลยนะ”
“การขอโทษต้องใช้ความกล้ามาก หนูทำได้แล้ว เยี่ยมเลยนะ”
“หนูกล้าที่จะเผชิญกับความรู้สึกของตัวเอง เก่งมากเลยลูก”

☁️ พ่อแม่ก็เรียนรู้ไปพร้อมกับลูกได้

การเลี้ยงลูกไม่มีสูตรสำเร็จ บางวันเราอาจเผลอใช้อารมณ์ แล้วก็รู้สึกเสียใจ
แต่ทุกครั้งที่เรากลับมานั่งคุยว่า
“คราวหน้าจะทำยังไงให้ดีกว่านี้”
เราเองก็ได้เติบโตไปพร้อมกับลูก

🌈 4 ขั้นตอนง่าย ๆ เริ่มได้วันนี้

  1. “จริง ๆ แล้วอยากจะทำอะไร?”
  2. “หนูทำได้นะ”
  3. “ถ้าอยากทำแบบนั้น หนูคิดว่าจะทำอย่างไรดี?”
  4. ถ้าลูกพูด “ขอโทษ” แล้ว ให้คำชมที่อบอุ่น

เพียงเท่านี้ ก็สร้างการเปลี่ยนแปลงในใจเด็กได้มากมาย

✨ ทิ้งท้าย

❤️ “ความผิดพลาด” ไม่ใช่ “ความล้มเหลว” แต่มันคือ “โอกาสในการเรียนรู้”
❤️ หากเรามีความเชื่อว่า “เด็กสามารถเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงได้”
เราก็จะสามารถยืนเคียงข้างพวกเขาได้ ด้วยใจที่เปิดกว้างและอ่อนโยน
เริ่มวันนี้เลยนะคะ

📲 สนใจเข้าชมโรงเรียน หรือลองเรียนฟรี

👉 087 484 7887
🌐 www.kitamurahouse.com

kitamura

🏡 Kitamura House が大切にしていること

子どもが失敗したり、友だちとトラブルを起こしたとき、
私たちは叱るのではなく、「本当は何をしたかったのか」を一緒に考えるようにしています。
なぜなら、失敗やつまずきは子どもにとって “成長のチャンス” だからです。
Kitamura House では、EF(Executive Function=実行機能)の発達を大切にしています。
叱るのではなく、深く話し合い、気づきへ導き、子どもが自信を持って前に進めるよう支援します。

✨ How to: 園長先生の子どもが育つ4ステップの声かけ方


1️⃣ まずは「気持ちを理解すること」から

子どもが失敗したとき、私たち大人はつい「どうしてそんなことしたの!?」と言ってしまいがちです。
でも、大切なのは大人がまず落ち着いて、やさしく耳を傾けることです。

  • 「何をしたかったのかな?」
  • 「本当はどうしたかったの?」

こうした問いかけは、子どもが自分の気持ちに気づき、自己理解を深める手助けになります。
たとえば、友だちのおもちゃを取ってしまった子も、実は「おもちゃで遊びたかった」だけで、どう誘えばいいのかわからなかっただけなのかもしれません。

2️⃣ 解決を始める前に「いいよ」と伝える

🙆これはとても大切なステップです🙆
子どもがやりたいことを話し始めたとき、まずこう声をかけましょう:

「それをやってみたかったんだね、いいよ。」

こうした言葉は、子どもの心を開き、安心して聞く耳を持てるようになります。
「自分の気持ちが否定されていない」と感じられるからです。
そのあとで、次のように問いかけします:
「じゃ、それをするためには、どうしたらいいと思う?」
これは信頼関係を築き、子どもが落ち着いて考えられる土台をつくります。

3️⃣ 行動をふり返る質問をしよう

子どもの心が落ち着いたら、一緒に他の方法について考えてみましょう。

「もしそれをしたいんなら、どうしたらいいと思う?」

正解を与えることが目的ではありません。
子ども自身に考える機会を与えることで、実体験から学べるのです。
これは「分析力」「問題解決力」といったEFスキルのトレーニングになります。
たとえば、「友だちのおもちゃで遊びたい」ときは「そのおもちゃで遊びたいんだね、いいよ。じゃ、どうしたらいいと思う?いっしょに遊ぼうって言ってみようか?」という声かけもできます。

4️⃣ 子どもが「ごめんね」と言えたとき

トラブルが落ち着き、子どもが気持ちを整理できたら、もう一度ふり返ってみましょう:

  • 😔 その行動はよかった?よくなかった?
  • 😔 まわりの人にどんな影響があったかな?
  • 😔 どうすれば責任をとることができるかな?

子どもが素直に「ごめんなさい」と言えた時は、
自分の誤った行動を認識し、責任をとる覚悟ができたという証です。
その時は、その覚悟を認めてあげて、自信につなげてあげましょう。

  • 「素直に謝ることができたね。よくできました!」
  • 「ごめんねって言えたのは自分の行動に責任を持てたことだよ。よくできました。」
  • 「失敗と向き合えたね。よくできました。」

大人のこうした言葉は、子どもの

  • ❤️ 自己肯定感(Self-esteem)
  • ❤️ 自己制御力(Self-regulation)

を育み、社会の中で他人と共に生きていくための大切な力を育みます。

☁️ 親も子どもと一緒に学んでいこう

子育てに完璧な正解はありません。
時には感情的になってしまうこともあるでしょう。
でも、あとで子どもと話しながら、
「次はどうすればいいかな?」
とふり返ることができれば、親も一緒に成長していけますね。

Kitamura House では、日々のコミュニケーション、傾聴、そして許しを通して、
子どもと共に学び合う日々を大切にしています。

🌈 今日からできる4ステップ

  1. ✅ Step1. 「何をしたかったのかな?」
  2. ✅ Step2. 「君ならできるよ」
  3. ✅ Step3. 「じゃあどうすればよかったかな?」
  4. ✅ Step4. 「ごめんね」が言えたら、あたたかくほめよう

これだけで、子どもの心に大きな変化が生まれます。

✨ 最後に

「失敗」は「ダメなこと」じゃない。それは 「学びのチャンス」です。

私たちが「子どもは変われる・学べる存在だ」と信じるなら、子どもに寄り添い、あたたかい心で成長を支えることができます。

さあ、今日から始めてみませんか?💛


📲 園見学・無料体験をご希望の方はこちらまで
👉 087 484 7887

kitamurahouse

🌸 ひとりひとりの才能を大切に育てる、日本式教育の温かさをタイの子どもたちへ

キタムラハウスは、バンコク・ラートクラバン地区にある、1歳から12歳までを対象としたインターナショナルスクールです。日本の教育理念と多言語・多文化環境を融合させ、「思いやり・自立・創造力」を育む保育・教育を実践しています。


🎯 なぜ“キタムラハウス”が選ばれるのか?

  • ✔️ 個別最適化された学び:年齢や性格に応じて個別対応
  • ✔️ 情操教育としつけを重視:人間力・生活習慣を丁寧に育む
  • ✔️ 5S(整理・整頓・清掃・清潔・しつけ)教育の徹底:生活力を育てる
  • ✔️ 親子一体の成長支援:保護者と連携した子育て・教育
  • ✔️ 21世紀型スキル対応:創造力・非認知能力の開発

🏫 キタムラハウスの特長

  • ✅ 日本式幼児教育 in バンコク
  • ✅ 日本語・英語・タイ語のトリリンガル教育
  • ✅ 国際基準+日本文化の融合カリキュラム
  • ✅ 知育・徳育・体育のバランス教育
  • ✅ 少人数・長時間保育(朝7時〜夜6時)
  • ✅ 月2回の野外学習・フィールドトリップ

📚 開講プログラム

カテゴリー 内容例(キーワード強調)
言語教育 日本語、英語、タイ語(読み書き・会話)
基礎科目 算数、科学、生活、そろばん、EF育成
芸術・表現 ピアノ、ドラム、ギター、ダンス、アート
スポーツ教育 体操、テコンドー、スポーツスタッキング
STEM/ICT レゴロボティクス、プログラミング、AI初級
ソーシャルスキル グローバルマナー、感情コントロール、道徳教育

🌈 保護者の声

「タイ語だけでなく、日本語・英語も話せるようになり、将来の選択肢が広がりました」

「きちんとあいさつ・お片付けができる子に成長して感動しています」

「幼少期から非認知スキルをしっかり育ててくれるので、小学校以降の成長が違います!」


📍 スクール情報

  • 施設名:キタムラハウス・インターナショナル・プリスクール
  • 住所:98/36 Moo Baan Mind Hof, Romklao Road, Ladkrabang, Bangkok 10520
  • 電話:087-484-7887(TH/EN/JP)
  • 公式サイト:www.kitamurahouse.com
kitamura

🧠 แนวทางการพัฒนาทักษะชีวิต (Non-Cognitive Skills) ที่คิตามูระเฮ้าส์


🌟 คืออะไร?

ทักษะชีวิตที่ไม่ใช่ความรู้ในตำรา แต่คือ "ทักษะชีวิตแท้จริง" ที่ช่วยให้เด็กๆ เติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพ อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ และรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว


🔑 ทักษะเหล่านี้มีอะไรบ้าง?

  • ความมั่นใจในตนเอง
  • ความพยายาม / ไม่ยอมแพ้
  • การควบคุมอารมณ์
  • การสื่อสารและเข้าใจผู้อื่น
  • การทำงานเป็นทีม
  • ความคิดสร้างสรรค์
  • ความกล้าแสดงออก / กล้าลองสิ่งใหม่

🏡 ตัวอย่างกิจกรรมที่ฝึก Non-Cognitive Skills ที่คิตามูระเฮ้าส์

✅ ผ่านกิจวัตรประจำวัน

  • เวลารวมกลุ่มเช้าให้เด็กเล่าเรื่องของตัวเอง → ฝึกการสื่อสารและความมั่นใจ
  • เด็กจัดของเล่นเองทุกวัน → ฝึกความรับผิดชอบและวินัย
  • เด็กโตช่วยดูแลน้องเล็ก → ฝึกความเป็นผู้นำและความเห็นอกเห็นใจ

✅ ผ่านกิจกรรมปฏิบัติ

  • ทำสวน ปลูกผัก → รู้จักรอคอย ทำงานเป็นทีม
  • ฝึกแสดงละคร / ร้องเพลง → ฝึกกล้าแสดงออก กล้าเผชิญความตื่นเต้น
  • ทัศนศึกษา → ฝึกความกล้าในการปรับตัวและเรียนรู้จากโลกจริง

✅ ผ่านสถานการณ์จริง

  • เวลาทะเลาะกับเพื่อน ฝึกพูดคุยปรับความเข้าใจ → เรียนรู้การแก้ปัญหา
  • เวลาร้องไห้เพราะล้ม แต่ลุกขึ้นเองได้ → พัฒนาความยืดหยุ่นทางอารมณ์

💬 เสียงจากผู้ปกครอง

“ลูกเคยไม่กล้าพูด แต่ตอนนี้พูดต่อหน้าคนอื่นอย่างมั่นใจ”

“ลูกยอมรอคิว ยอมฟังเพื่อนมากขึ้น และมีน้ำใจมากขึ้นชัดเจน”


📌 ทำไมทักษะชีวิตเหล่านี้สำคัญ?

งานวิจัยจาก OECD และกระทรวงศึกษาธิการหลายประเทศยืนยันว่า ทักษะที่ไม่ใช่วิชาการ มีผลกับความสำเร็จในชีวิตมากกว่าความรู้ล้วนๆ

และช่วงวัยอนุบาล – ประถมต้น คือช่วง "ทอง" ที่สมองพัฒนาเร็วที่สุด จึงควรปลูกฝังตั้งแต่วันนี้

หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการพื้นที่ให้ลูกได้ “เติบโตเต็มศักยภาพทั้งภายในและภายนอก”
คิตามูระเฮ้าส์ พร้อมเป็นครอบครัวที่เดินเคียงข้างการเรียนรู้ของลูกค่ะ 🌷


📍 ข้อมูลโรงเรียน

  • ชื่อโรงเรียน: Kitamura House International Preschool
  • ที่อยู่: 98/36 หมู่บ้านมายด์ฮอฟฟ์ ถนนร่มเกล้า เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
  • โทร: 087-484-7887 (TH/EN/JP)
  • เว็บไซต์: www.kitamurahouse.com
kitamurahouse

🌟 7R ความจริงทั้ง 7 ที่ส่งเสริมทักษะการเรียนรู้แบบนำตนเอง (Self-Directed Learning)

ปลุกพลังการเรียนรู้จากภายใน ผ่านประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับโลกจริง


1. 🧑‍🏫 Real Expert – เรียนจากผู้รู้จริง

เด็กๆ ได้เรียนรู้จากครู ผู้เชี่ยวชาญ วิทยากร หรือบุคคลต้นแบบในชีวิตจริง เช่น แพทย์ นักวิทยาศาสตร์ นักแสดง หรือนักดนตรี ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจและความเข้าใจจากแหล่งความรู้ที่แท้จริง


2. 🧸 Real Thing – วัตถุจริงจับต้องได้

ไม่ใช่แค่ภาพในหนังสือ แต่เด็กได้สัมผัสกับของจริง เช่น พืชผัก อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ เครื่องดนตรี หรือสิ่งของในชีวิตประจำวัน เพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสและการคิดเชิงสร้างสรรค์


3. 🎭 Real Situation – สถานการณ์จริง

เด็กได้เผชิญและแก้ปัญหาในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เช่น การซื้อตั๋วรถไฟ การจัดการเงินค่าขนม หรือการดูแลเพื่อนที่ล้ม เพื่อฝึกทักษะชีวิตและการคิดอย่างเป็นระบบ


4. 📚 Real Theory – หลักการจริง

เด็กเรียนรู้ผ่านหลักคิดและเหตุผลที่สามารถเชื่อมโยงกับประสบการณ์ ไม่ใช่เพียงท่องจำ แต่เข้าใจ “ทำไม” และ “อย่างไร” ที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่ทำ


5. ⏳ Real Condition – เงื่อนไขจริง ณ เวลาปัจจุบัน

เด็กได้ตัดสินใจและลงมือทำภายใต้ข้อจำกัดของเวลา พลังงาน หรือสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นจริง เช่น การจัดเวลาในภารกิจ 1 วัน หรือปรับแผนเมื่อเกิดฝนตกระหว่างทำสวน


6. 🏕️ Real Place – สถานที่จริงนอกห้องเรียน

การเรียนรู้นอกกรอบห้องเรียน 4 เหลี่ยม เช่น ทัศนศึกษา ฟาร์มจริง ห้องทดลองจริง สนามเด็กเล่นจริง เพื่อเปิดโลกและเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง


7. 👨‍👩‍👧‍👦 Real Parenting – การสนับสนุนจากผู้ดูแลเด็กอย่างแท้จริง

การสร้างการเรียนรู้นำตนเองจะเกิดขึ้นได้เมื่อผู้ปกครองเข้าใจ และร่วมเป็น "โค้ชชีวิต" ที่รับฟัง เคารพ และสนับสนุนการเติบโตของลูกอย่างแท้จริง


✨ เพราะ "ของจริง" คือครูที่ดีที่สุด

7R คือหัวใจของแนวทางการเรียนรู้ที่ปลุกศักยภาพภายในให้เด็กๆ ค้นพบตนเองอย่างแท้จริง เรียนรู้จากโลกจริง เพื่อเติบโตเป็นมนุษย์ที่มั่นใจ เข้าใจ และพร้อมเผชิญโลกในอนาคต


Video Gallery


📍 ข้อมูลโรงเรียน

  • ชื่อโรงเรียน: Kitamura House International Preschool
  • ที่อยู่: 98/36 หมู่บ้านมายด์ฮอฟฟ์ ถนนร่มเกล้า เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
  • โทร: 087-484-7887 (TH/EN/JP)
  • เว็บไซต์: www.kitamurahouse.com
kitamurahouse
日本語学習に役立つサイトとページをまとめました。

絵本ひろば

文法の理解におすすめです。
URL : https://ehon.alphapolis.co.jp/

おすすめページ

JLPT

日本語能力試験N5からN1までの模擬試験があります。
URL : https://www.jlpt.jp/

おすすめページ

MLC Japanese Language School

日本語能力試験N5からN1までの漢字・語彙を覚えるときに非常に便利。
URL : http://jlptpro.com/

おすすめページ

Kanji 123

日本語能力試験N5からN1までの漢字の選択問題があります。
URL : https://kanji123.org/

おすすめページ

JLPT 先生

日本語能力試験N5からN1までの漢字リストがあります。
URL : https://jlptsensei.com/

おすすめページ

🌸 ปลุกศักยภาพของเด็กไทย ด้วยความอบอุ่นของการศึกษาแบบญี่ปุ่น

คิตามูระเฮ้าส์ เป็นโรงเรียนนานาชาติในเขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ สำหรับเด็กอายุ 1–12 ปี ผสมผสานแนวคิดการศึกษาจากญี่ปุ่นเข้ากับสภาพแวดล้อมพหุวัฒนธรรมและสามภาษา มุ่งพัฒนาทักษะ “ความมีน้ำใจ ความเป็นอิสระ และความคิดสร้างสรรค์” ตั้งแต่ปฐมวัย


🎯 ทำไมการศึกษาแบบคิตามูระเฮ้าส์ถึงได้รับความนิยม?

  • ✔️ การเรียนรู้ที่ปรับตามบุคคล: ปรับตามอายุและลักษณะเฉพาะของเด็กแต่ละคน
  • ✔️ เน้นคุณธรรมและวินัย: ปลูกฝังทักษะชีวิตและความรับผิดชอบ
  • ✔️ ฝึกระเบียบวินัยผ่านระบบ 5S: สะสาง สะดวก สะอาด สุขลักษณะ สร้างนิสัย
  • ✔️ ส่งเสริมการเติบโตไปพร้อมกับครอบครัว: ทำงานร่วมกับผู้ปกครอง
  • ✔️ เตรียมพร้อมทักษะศตวรรษที่ 21: พัฒนาความคิดสร้างสรรค์และทักษะชีวิตที่ไม่ใช่วิชาการ

🏫 จุดเด่นของคิตามูระเฮ้าส์

  • ✅ โรงเรียนแนวญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ
  • ✅ การเรียนรู้ 3 ภาษา (ไทย ญี่ปุ่น อังกฤษ)
  • ✅ หลักสูตรระดับนานาชาติผสานวัฒนธรรมญี่ปุ่น
  • ✅ บูรณาการความรู้ คุณธรรม และร่างกายอย่างสมดุล
  • ✅ ห้องเรียนขนาดเล็ก เวลาดูแลยาว (7:00 – 18:00)
  • ✅ ทัศนศึกษานอกสถานที่เดือนละ 2 ครั้ง

📚 โปรแกรมการเรียนการสอน

หมวดวิชา รายละเอียด (เน้นคีย์เวิร์ด)
ภาษาศาสตร์ ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น (ฟัง พูด อ่าน เขียน)
วิชาหลัก คณิต วิทยาศาสตร์ ชีวิตประจำวัน ลูกคิด EF
ศิลปะและการแสดง เปียโน กลอง กีตาร์ เต้น วาดภาพ
พละศึกษา ยิมนาสติก เทควันโด สปอร์ทแสตคกิ้ง
STEM/ICT เลโก้โรบอต โปรแกรมมิ่งเบื้องต้น AI สำหรับเด็ก
ทักษะชีวิต มารยาทสากล การควบคุมอารมณ์ จริยธรรม

🌈 เสียงจากผู้ปกครอง

“ลูกพูดได้ทั้งไทย อังกฤษ ญี่ปุ่นในเวลาไม่ถึงปี และกล้าพูดมากขึ้น”

“ลูกมีวินัย รู้จักเก็บของ เล่นเป็นระเบียบดีมาก”

“ทักษะชีวิตและนิสัยที่ปลูกฝังจากอนุบาล ทำให้ลูกเติบโตอย่างมั่นคง”


👨‍👩‍👧‍👦 เกี่ยวกับผู้ก่อตั้ง

ฮิเดโอะ คิตามูระ (Hideo Kitamura)

อดีตวิศวกรผู้มีความหลงใหลในการพัฒนาเด็ก ปัจจุบันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินพัฒนาการเด็ก โดยผ่านการอบรมและได้รับการรับรองการใช้เครื่องมือ Denver II อย่างเป็นทางการ รวมถึงนำแนวทางการศึกษาจากญี่ปุ่น เช่น Yokomine Method มาใช้ในการพัฒนาโรงเรียน

ปนัดดา คิตามูระ (Panatda Kitamura)

นักวิชาการด้านการพัฒนาเด็กและครอบครัว จบการศึกษาระดับปริญญาโท สาขานวัตกรรมเพื่อการคุ้มครองและพัฒนาเด็ก จากมหาวิทยาลัยมหิดล มีประสบการณ์ดูแลและสอนลูกทั้ง 7 คนด้วยระบบโฮมสคูล และมุ่งมั่นสร้างการศึกษาที่อบอุ่น มีหัวใจแบบญี่ปุ่นผสมผสานกับวัฒนธรรมไทย

คุณพ่อฮิเดโอะ และคุณแม่ปนัดดา ได้ร่วมกันก่อตั้ง Kitamura House โดยยึดมั่นในหลักการที่ว่า “เด็กทุกคนมีศักยภาพอันยิ่งใหญ่ในตัวเอง” และมุ่งเน้นการดูแลแบบรายบุคคลเพื่อให้เด็กแต่ละคนได้เติบโตเต็มศักยภาพ


📍 ข้อมูลโรงเรียน

  • ชื่อโรงเรียน: Kitamura House International Preschool
  • ที่อยู่: 98/36 หมู่บ้านมายด์ฮอฟฟ์ ถนนร่มเกล้า เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
  • โทร: 087-484-7887 (TH/EN/JP)
  • เว็บไซต์: www.kitamurahouse.com

✨ ถึงเวลาเสริมพลังให้ลูก ด้วยระบบการเรียนรู้แบบคิตามูระเฮ้าส์

“เราอยากให้ลูกมีทางเลือกในชีวิตมากที่สุด”
คิตามูระเฮ้าส์เข้าใจและพร้อมร่วมเดินทางกับทุกครอบครัว เริ่มต้นง่ายๆ จากการเยี่ยมชมและทดลองเรียน

kitamurahouse
โฟนิคส์ (Phonics) คืออะไร?
สมัยนี้การเรียนภาษาอังกฤษที่มักได้ยินกันบ่อยในหมู่เด็กๆ ก็คือการเรียนโฟนิคส์ ที่ต่างเรียนกันอย่างแพร่หลาย จนหลายท่านอาจสงสัยว่าการเรียนโฟนิคส์นั้นคืออะไร ทำไมสมัยเราเรียนหนังสือไม่เห็นเคยได้ยินหรือเคยรู้จักมาก่อน ทำไมสมัยนี้พูดกันเยอะมาก วันนี้จะเล่าเรื่องการเรียนโฟนิคส์ให้ทราบกันคร่าวๆ ดังนี้ค่ะ
โฟนิคส์ คือวิธีการเรียนอ่านเขียนและออกเสียงภาษาอังกฤษโดยใช้หลักการถอดรหัสเสียงและการผสมเสียงตัวอักษร a ถึง z ทั้ง 26 ตัว ผู้เรียนจะต้องเข้าใจเสียงของตัวอักษรต่างๆ และออกเสียงเหล่านั้นให้ได้อย่างถูกต้องจึงจะสามารถผสมเสียงออกมาเป็นคำได้ ยกตัวอย่างเช่น การสะกดคำว่า cat ในสมัยเราๆ จะท่องกันว่า ซี-เอ-ที แคท แมว ซึ่งยากที่จะเข้าใจว่าทำไม ซี-เอ-ที ถึงกลายเป็นแคทไปได้ เพราะการท่องแบบนี้ไม่ได้ใช้หลักการผสมเสียงแต่เป็นการท่องจำการสะกดคำเสียมากกว่า
จากตัวอย่างนี้ ถ้าเรียนตามหลักโฟนิคส์ จะสอนให้รู้จักตัว “c” จากเสียงของมันคือเสียง “ค” (ออกเสียงเคอะ เบาๆ ในลำคอ) ตัว “a” เป็นเสียง “แอะ” และตัว “t” เป็นเสียง “ท” (ออกเสียง เทอะ เบาๆ ใช้ปลายลิ้นกระทบฟันหน้าบน) และผสมเสียงกันเป็น “ค-แอะ-ท แคท” (ลองออกเสียง ค-แอะ-ท ซ้ำๆ เร็วๆ จะพบว่าสุดท้ายจะออกเสียงเป็น “แคท”) หลักการถอดรหัสเสียง และผสมเสียงแบบนี้แหละค่ะที่เรียกว่าโฟนิคส์นั่นเอง ซึ่งผู้เรียนจะต้องฝึกผสมเสียงพยัญชนะ สระต่างๆ ที่หลากหลายจนคล่องแคล่วโดยใช้หลักโฟนิคส์นี้ค่ะ

แล้วคำที่ไม่ได้เป็นไปตามหลักโฟนิคส์ล่ะ มีไหม หลักโฟนิคส์ใช้อ่านหรือสะกดคำต่างๆ ได้เป็นส่วนใหญ่ แต่แน่นอนค่ะมีคำบางคำที่อ่านในรูปแบบเฉพาะที่ไม่ใช่ตามหลักโฟนิคส์ ซึ่งเราจะเรียกคำเหล่านี้ว่า “คำพิเศษ” หรือ “Special words” เช่น คำว่า watch หากอ่านตามหลักโฟนิคส์อ่านว่า ว-แอะ-ท-ช แวทช แต่จริงๆ แล้วอ่านว่า วอทช เพราะตัว “a” ที่ปกติเป็นเสียง “แอะ” พออยู่ในคำนี้ออกเป็นเสียง “เอาะ” เป็นต้น ซึ่งคำพิเศษนี้เด็กๆ จะได้เจอเมื่อเขาอ่านเยอะ อ่านมาก และฝึกสังเกตคำต่างๆ หากคุณครูหรือคุณพ่อคุณแม่ช่วยแนะนำด้วยเมื่อเด็กเจอคำพิเศษเหล่านี้ก็จะยิ่งดีค่ะเรียนแล้วได้อะไร การเรียนโฟนิคส์จะช่วยให้เด็กๆ ออกเสียงได้ถูกต้อง ทำให้พวกเขาสื่อสารภาษาอังกฤษได้ชัดเจน และสามารถอ่านเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถสะกดคำศัพท์ต่างๆ ได้ด้วยตัวเองอย่างคล่องแคล่วจากการรู้จักเสียงของตัวอักษรและเข้าใจหลักการผสมเสียง แม้ในช่วงแรกการเรียนแบบโฟนิคส์จะดูช้ากว่าการเรียนแบบท่องจำมาก เพราะเด็กต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจเสียงและหลักการผสมคำจากง่ายไปยาก ต้องฝึกซ้ำๆ เพื่อให้จำได้ และมีบทศึกษามากมายที่ยืนยันว่าเด็กที่เรียนการอ่านเขียนแบบนี้จะสามารถเรียนภาษาอังกฤษได้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่านักเรียนทั่วไป และมีความแตกฉานทางภาษา รักการอ่าน การค้นคว้าหาความรู้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับตัวเขาเองในอนาคตเรียนโฟนิคส์แล้วจะนำมาใช้ทันกับหลักสูตรแบบดั้งเดิมของโรงเรียนทั่วไปหรือเปล่า การเรียนโฟนิคส์นั้น จะเรียนแบบค่อยเป็นค่อยไป จึงจะดูช้ากว่าการเรียนแบบท่องจำ เพราะเด็กๆ ไม่ว่าจะโตแค่ไหน เรียนระดับไหนก็ต้องมาเริ่มที่เสียง a b c … แล้วค่อยๆ หัดผสมเสียงจากง่ายก่อน ดังนั้น จะคาดหวังให้ใช้หลักโฟนิคส์สะกดคำยากๆ ได้เลยตามที่โรงเรียนให้การบ้านมาในช่วงแรกของการเรียนโฟนิคส์ก็อาจดูยากเกินไปสำหรับลูก เช่น ลูกเพิ่งเรียนการผสมเสียงสระตัว “a” เช่นคำว่า bat, hat, rat, mat หากจะให้สะกดคำว่า January โดยหลักโฟนิคส์เลย คงยังทำไม่ได้ แต่ในระยะยาวเมื่อลูกเรียนจบและได้มีการฝึกอ่านอย่างสม่ำเสมอ แน่นอนว่าการเรียนโฟนิคส์จะช่วยส่งเสริมให้การอ่าน การสะกดคำต่างๆ เป็นไปได้ง่ายขึ้น และเข้าใจหลักการออกเสียง การอ่านเขียนอย่างแท้จริง จึงมีบทวิจัยออกมาหลายสำนักว่าหลักโฟนิคส์ช่วยให้เรียนภาษาอังกฤษได้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่านักเรียนทั่วไปถึง 2-3 ปีหลักโฟนิคส์นี้เป็นการเรียนแบบใหม่ที่เพิ่งค้นพบหรือ หลักโฟนิคส์ เป็นหลักการอ่านเขียนที่เรียนกันมาตั้งแต่โบราณแล้ว แต่เมื่อราว 20-40 ปีที่ผ่านมาได้เลือนหายไป เนื่องจากมีทฤษฎีใหม่ที่บอกว่าการอ่านแบบโฟนิคส์นั้นยุ่งยาก กว่าจะแตกเสียง ผสมเสียง จนอ่านเป็นคำนั้นช้าไม่ทันใจ หันมาใช้วิธีเรียนแบบจำคำศัพท์เป็นคำๆ ที่เรียกว่า Whole Language ดีกว่าเพราะเร็วกว่ากันเยอะ โรงเรียนในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย จึงเลิกสอนโฟนิคส์ไปตามๆ กัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปีกลับพบว่าความสามารถในการอ่านเขียนของประชาชนต่ำลง เพราะคนเรานั้นจดจำคำศัพท์ได้จำกัด และการไม่รู้หลักการสะกดนั้นก็ทำให้อ่านได้ไม่คล่อง เมื่อเห็นคำยากหรือคำใหม่ที่ไม่คุ้นเคยก็ไม่อยากอ่าน ทำให้การอ่านค้นคว้าความรู้ต่างๆ ลดลงตามไปด้วย จึงมีฟื้นฟูการเรียนโฟนิคส์ให้นำกลับมาสอนอีกครั้งเพื่อให้เด็กๆ เข้าใจหลักการอ่านเขียนอย่างแท้จริง

ในประเทศออสเตรเลียมีโรงเรียนที่ยึดมั่นใช้การสอนตามหลักโฟนิคส์มาตลอดหลายสิบปีด้วยความเชื่อมั่นและปรากฏว่านักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้สามารถกวาดรางวัลการอ่าน การออกเสียง การเขียนเรียงความทั้งในระดับชุมชนและระดับประเทศได้จนมีชื่อเสียงไปทั่ว ทำให้เชื่อได้เลยว่าหลักโฟนิคส์เป็นประโยชน์สำหรับเด็กๆ อย่างแท้จริง

ผลจากการเรียนโฟนิคส์ของเด็กไทยเป็นอย่างไรบ้าง
เด็กๆ แม้แต่ระดับอนุบาลที่ได้เรียน ก็สนุกที่จะออกเสียงตัวอักษรต่างๆ ภาคภูมิใจที่ผสมคำได้ด้วยตนเอง และเมื่อกลับบ้านก็ยังชอบที่จะอ่านป้าย อ่านและสะกดคำต่างๆ ตามหลักที่ได้เรียนมา จะผิดบ้างถูกบ้างก็ไม่เป็นไรแต่เขาก็สนุกที่จะลองใช้ความรู้ที่เรียนมาไปกับคำรอบๆ ตัวที่หลากหลาย ซึ่งเป็นการเริ่มต้นสร้างทัศนคติที่ดีในการออกเสียงและการอ่านเขียนตามหลักที่ถูกต้อง และจะช่วยพัฒนาการออกเสียงและการอ่านเขียนของพวกเขาอย่างมากในระยะยาว และสามารถต่อยอดไปสู่ทักษะอื่นๆ ที่สำคัญในอนาคต เช่น การเขียนเรียงความ เขียนบทความ การจับประเด็น จับใจความ คิดวิเคราะห์เนื้อหาอย่างเป็นเหตุผลด้วย

หากอยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษ ควรเรียนโฟนิคส์อย่างเดียวเลยหรือไม่
แม้โฟนิคส์จะเป็นความรู้และเป็นพื้นฐานที่ดีในการออกเสียงและการอ่านเขียน แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทักษะภาษาอังกฤษทั้งหมด ดังนั้น นอกจากโฟนิคส์แล้ว คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมปูพื้นฐานในเรื่องการฟัง การพูดภาษาอังกฤษของลูกให้ดีควบคู่กันไปด้วย เพราะเป็นทักษะที่สำคัญไม่แพ้กัน และต้องการการฝึกฝนเป็นประจำสม่ำเสมอเพื่อให้ฟังพูดได้คล่องแคล่ว แตกฉาน มั่นใจ และความรู้ความเชี่ยวชาญในแต่ละทักษะยังสามารถนำมาเชื่อมโยงต่อยอดกันและกันได้ด้วย ที่สำคัญ คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมว่าไม่ว่าจะเรียนอะไรก็ตาม ลูกๆ จะเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อพวกเขาเรียนรู้ด้วยความสนุกสนานค่ะ

Contact Us

ศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัยนานาชาติคิตามูระเฮ้าส์

เนอสเซอรี่สไตล์ญี่ปุ่น-เรียนสนุก คิดเป็น เน้นทักษะชีวิต-ร่มเกล้า ลาดกระบัง

  • 087 484 7887
  • www.kitamurahouse.com
  • 98/36 หมู่บ้าน มายด์ ฮอฟฟ์ (ร่มเกล้า-สุวรรณภูมิ) ถนน ร่มเกล้า แขวง คลองสามประเวศ เขต ลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร 10520

Video Gallery - How to teach Blending to Read with Jolly Phonics

Kitamura House

🌱 หลักการเบ่งบานพรสวรรค์แบบโยโกมิเนะ(Yokomine Method) ที่ Kitamura House นำมาใช้

แนวทางการศึกษาสไตล์ญี่ปุ่นจากอาจารย์ Yoshifumi Yokomine ผู้ก่อตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทซูริยามะ (通山保育園) ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเน้นการปลุกศักยภาพในตัวเด็กทุกคน โดยเชื่อว่า “เด็กทุกคนมีพรสวรรค์” หากมีการดูแลและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
คิตามูระเฮ้าส์ได้รับสิทธิ์ลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการในการใช้หลักสูตรโยโกมิเนะ และเป็นโรงเรียนคู่สัญญาอย่างถูกต้องจากประเทศญี่ปุ่น

🧠 7 หลักการสำคัญของคิตามูระเฮ้าส์

“Where Every Child’s Potential Blooms”

  1. เด็กทุกคนมีศักยภาพไร้ขีดจำกัด
    → ไม่เปรียบเทียบ แต่ยอมรับความแตกต่าง และพัฒนาแบบรายบุคคล
  2. การเรียนรู้คือการค้นพบตัวตน
    → ให้เด็กเรียนอย่างมีความสุข ด้วยกิจกรรมที่หลากหลายตามความสนใจ
  3. สิ่งแวดล้อมกระตุ้นการเรียนรู้
    → จัดพื้นที่การเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้เด็กอยากเรียนรู้ด้วยตัวเอง
  4. พัฒนาร่างกายและจิตใจควบคู่กัน
    → สนับสนุนกิจกรรมที่ส่งเสริมการพัฒนาสมอง เสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย เสริมสร้างความมั่นใจและพลังแห่งการเรียนรู้
  5. ให้โอกาสเด็กลองทำด้วยตัวเอง
    → ไม่รีบเร่ง ไม่สอน ไม่บังคับ แต่สร้างโอกาสให้คิดเป็น ทำเป็น พึ่งพาตนเองได้
  6. ไม่แข่งขันกับผู้อื่น แต่แข่งขันกับตัวเอง
    → ปลูกฝังให้ “ชนะใจตัวเอง” มากกว่า “เอาชนะคนอื่น”
  7. ครอบครัวคือรากฐานของการเรียนรู้
    → โรงเรียนคือบ้านแห่งการเติบโตของทั้งเด็ก ครอบครัว และครู
  1. すべての子どもは無限の可能性を持っている
    → 比べず、一人ひとりの違いを尊重し、その子のペースで育てます。
  2. 学びは「自分らしさ」を見つける旅
    → 子どもが楽しく学び、自分の興味を発見できるよう多様な活動を用意します。
  3. 環境が子どもの学びを引き出す
    → 創造的で魅力的な学びの空間を整え、自ら学びたくなる気持ちを育てます。
  4. 身体・心・脳のバランスを育てる
    → 運動を通じて脳の発達・身体の強さ・自信・学びのエネルギーを育みます。
  5. 子ども自身ができるまで「待つ」
    → 焦らず、押し付けず、自分で考えて行動できる力を育てます。
  6. 他人との競争ではなく「昨日の自分」との競争
    → 「自分に勝つ」喜びを育み、誰かを超えるよりも自分の成長を大切にします。
  7. 家族と共に育つ学びの場
    → 学校は第二の家。子ども・保護者・教師がともに学び合う共同体です。

🌟 ทำไม Kitamura House ถึงเลือกแนวโยโกมิเนะ

เด็ก ๆ จะไม่ได้แค่ “มีความถนัดเฉพาะด้าน”
แต่พ่อแม่จะได้เห็นว่า...
“ลูกเราเก่งขึ้นทุกวัน”
เพราะพรสวรรค์เบ่งบานได้ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และได้รับการดูแลอย่างเข้าใจ

🌟 ปรัชญาโยโคมิเนะ

ชีวิตที่ได้รับจากฟากฟ้านั้นสุดแสนวิเศษ

คนเราไม่ได้ทำอะไรเป็นมาเลยตั้งแต่เกิด เด็กจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู และสภาพแวดล้อม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งคน) เป็นคำพูดที่ตกทอดมาแต่โบราณที่ญี่ปุ่น เด็กทุกคนเป็นอัจฉริยะ ไม่มีเด็กคนไหนที่ทำไม่ได้ เพียงแต่บางคนอาจต้องใช้เวลา เพียงแค่ให้เวลากับเขา โดยเฉพาะช่วงเด็กเล็กจนถึง 6 ขวบ จะเป็นวัยสำคัญที่จะพัฒนาความสามารถ ความสมดุลเป็นสิ่งสำคัญ ฉะนั้นจึงต้องให้ความสำคัญกับพลังทั้ง 3 ด้านในช่วงวัยเด็ก ซึ่งก็คือ “พลังทางด้านจิตใจ” “พลังทางด้านการเรียน” “พลังทางด้านร่างกาย”

天が与えた命は素晴らしい

生まれつきではありません。子どもは環境(特に人)で育ちます。 日本には昔から氏より育ちという先人が残した言葉があります。 子どもは天才です。できない子なんていません。 時間がかかる子はいます。時間をかければいいだけ。 特に6歳までの時期が大事で可能になる時期です。 バランスが大事。幼児期は“心の力”“学ぶ力”“体の力” この3つを優先して取り組むべし。 ヨコミネ式教育法 横峯吉文先生からタイの保護者の皆様へ

kitamura
kitamura
kitamura

วัตถุประสงค์

  • วัตถุประสงค์ขั้นสุดของหลักการเรียนการสอนแบบโยโคมิเนะคือ “การพึ่งพาตนเอง”
  • การพึ่งพาตนเองในที่นี้คือ “สามารถคิดเอง ตัดสินใจเอง ลงมือทำและฝึกฝนด้วยตัวเอง”

แนวทางการพัฒนาอัจฉริยภาพตามหลักโยโคมิเนะ

  • 1) การทำได้เป็นเรื่องน่าสนุก
  • 2) พอสนุกแล้วก็อยากฝึกฝน
  • 3) พอฝึกฝนเรื่อยๆก็จะเก่ง
  • 4) เมื่อเก่งก็จะทำให้ชอบ
  • 5) และก็อยากพัฒนาในก้าวต่อๆไป

📍 ข้อมูลโรงเรียน

  • ชื่อโรงเรียน: Kitamura House International Preschool
  • ที่อยู่: 98/36 หมู่บ้านมายด์ฮอฟฟ์ ถนนร่มเกล้า เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
  • โทร: 087-484-7887 (TH/EN/JP)
  • เว็บไซต์: www.kitamurahouse.com
Kitamura House
Denver II Child Development Screening เป็นการประเมินพัฒนาการรอบด้าน ทั้งพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เล็ก พัฒนาการทางภาษา ความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง พร้อมทั้งคัดกรองปัญหาด้านพฤติกรรม และ ภาวะเอ็นข้อต่อหย่อนด้วย
Video

Denver II ประกอบด้วยข้อทดสอบ 125 ข้อ แบ่งเป็น 4 ด้าน คือ

  • ด้านสังคมและการช่วยตนเอง หมายถึง การมีความสัมพันธ์และใช้ชีวิตร่วมกับบุคคลอื่นๆ กับการดูแลตนเองในกิจวัตรประจำวัน
  • ด้านใช้กล้ามเนื้อเล็กและปรับตัว หมายถึง การทำงานประสานกันระหว่างกล้ามเนื้อมือและตา การจัดการกับของชิ้นเล็ก และการแก้ไขปัญหา
  • ด้านภาษา หมายถึง การได้ยิน ความเข้าใจภาษา และการใช้ภาษา
  • ด้านใช้กล้ามเนื้อใหญ่ หมายถึง การทรงตัว และการเคลื่อนร่างกาย เช่น การนั่ง การเดิน การกระโดด และการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อใหญ่ทั้งหมด
นอกจากนี้หลังการทดสอบยังมีการบันทึกพฤติกรรมระหว่างทดสอบ 5 ข้อ ซึ่งทำให้ผลการทดสอบเป็นประโยชน์และแม่นยำมากขึ้น ได้แก่
  • เด็กเป็นเหมือนเช่นทุกวัน ใช่ หรือ ไม่ใช่
  • ความร่วมมือ ดีมาก พอควร หรือ น้อย
  • ความสนใจสิ่งแวดล้อม สนใจดี สนใจบ้าง หรือ ไม่สนใจเลย
  • ความกลัว ไม่กลัว กลัวเล็กน้อย หรือ กลัวมาก
  • ระยะความสนใจ เหมาะสมกับวัย เบี่ยงเบนความสนใจค่อนข้างง่าย หรือ เบี่ยงเบนความสนใจง่ายมาก
พัฒนาการ (Development) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงด้านคุณภาพหรือประสิทธิภาพของการทำหน้าที่ การเฝ้าระวังพฤติกรรมพัฒนาการของเด็กวัยต่างๆ เป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในเด็กปฐมวัยตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ 6 ปี
เพื่อจะได้ทราบว่าเด็กมีระดับความสามารถด้านต่างๆ เป็นอย่างไร สมวัยหรือไม่เพื่อจะได้แนะนำบิดามารดา ผู้เลี้ยงดูให้อบรมเลี้ยงดูและจัดสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสมกับความสนใจและความสามารถของเด็ก ทำให้เกิดโอกาสเรียนรู้และพัฒนาได้ครบทุกด้านอย่างสมดุลทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญาและสังคม เด็กจะได้เติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ ในกรณีที่พบว่าเด็กมีพัฒนาการผิดปกติ จะได้ตรวจวินิจฉัยช่วยเหลือแก้ไขแต่เริ่มแรก

สำหรับการทดสอบพัฒนาเพื่อคัดกรองอย่างเป็นระบบ (Developmental screening) จะต้องใช้เครื่องมือทดสอบคัดกรองพัฒนาการที่มีมาตรฐาน ผู้ทดสอบจะต้องได้รับการอบรมและผ่านการรับรองว่าเข้าใจเนื้อหาสาระพัฒนาการเด็ก สามารถทดสอบและสังเกตพฤติกรรมของเด็กและแปลผลอย่างถูกต้องตามคู่มือการทดสอบที่เป็นมาตรฐาน
Kitamura House
Kitamura House
Kitamura House

🧠 การประเมินพัฒนาการเด็กด้วย Denver II ที่คิตามูระเฮ้าส์

ที่คิตามูระเฮ้าส์ เราได้นำแบบประเมินพัฒนาการเด็ก “Denver II” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมาใช้เพื่อสนับสนุนพัฒนาการของเด็กอย่างเป็นระบบ การประเมินดำเนินโดยคุณฮิเดโอะ คิตามูระ ผู้ผ่านการอบรมเฉพาะทางและได้รับการรับรองจากมหาวิทยาลัยมหิดล โดยจะประเมินพัฒนาการในด้านภาษา การเคลื่อนไหว ความเข้าใจ และทักษะทางสังคมอย่างละเอียด เพื่อค้นหาความล่าช้าหรือจุดที่ควรส่งเสริมให้เร็วที่สุด

Kitamura House
Kitamura House
Kitamura House

Contact Us

ศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัยนานาชาติคิตามูระเฮ้าส์

เนอสเซอรี่สไตล์ญี่ปุ่น-เรียนสนุก คิดเป็น เน้นทักษะชีวิต-ร่มเกล้า ลาดกระบัง

  • 087 484 7887
  • www.kitamurahouse.com
  • 98/36 หมู่บ้าน มายด์ ฮอฟฟ์ (ร่มเกล้า-สุวรรณภูมิ) ถนน ร่มเกล้า แขวง คลองสามประเวศ เขต ลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร 10520

4 เพลงที่ช่วยให้น้องๆได้ฝึก Phonics


, 1. Phonics Song (A-Z)
Copyright 2009 A.J.Jenkins/KidsTV123: All rights reserved


2. Phonics Song (A-Z) 2 (new version)
Copyright 2012 A.J.Jenkins/KidsTV123: All rights reserved.


3. Phonics Song (A-Z) 3 (zed version)
Copyright 2011 A.J. Jenkins/KidsTV123: All rights reserved


4. Jolly Phonics Songs (Letters and Sounds)


4-1. Jolly Phonics Songs Phase 2 with Thai (Letters and Sounds)


4-2. Jolly Phonics Songs Phase 3 with Thai (Letters and Sounds)



東京ハイジ TOKIOHEIDI

เด็กๆอยากสนุกไปกับการร้องเพลงพร้อมกับได้ฝึกภาษาญี่ปุ่นผ่านเสียงเพลงกันไหม ?
คิตามูระเฮ้าส์ คัดสรรเลือกเพลงทั้ง 8 เพลง ที่จะช่วยให้น้องๆได้ฝึกฝนพร้อมพัฒนาทักษะด้านภาษาที่สนุกและไม่น่าเบื่อ ไปพร้อมๆกับเสียงดนตรีและตัวการ์ตูนที่น่ารักสีสันสดใส


8 เพลงที่ช่วยให้น้องๆได้ฝึกภาษาญี่ปุ่น

1. ฮามิกากิ โนะ อุตะ はみがきのうた《東京ハイジ》:

2. โอบาเคะ โนะ ฮอท เค้ก おばけのホットケーキ《東京ハイジ》:

3. เฮนชิน โอเดคาเคะ แมน へんしん!おでかけマン《東京ハイジ》:

4. เทคุ เทคุ อะรุโกะ てくてく歩こう《東京ハイジ》:

5. อุนโตะ เดโระ อุนจิ うんとでろうんち《東京ハイジ》:

6. ซุปูน ทัน  スプーンたん《東京ハイジ》:

7. ริงโกะ โนะ ฮิโตริ โกโตะ りんごのひとりごと《東京ハイジ》:>


Admission

School Tour

> Visit Us

Enrollment

> Apply Now